กรมทางหลวงพอใจอุบัติเหตุลดลง

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – กรมทางหลวงสรุปอุบัติเหตุบนถนนหลวงเดือนพฤษภาคม 895 ครั้ง ลดลงจากปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักเกิดจากขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนด  แนะผู้ใช้ทางขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร 


กรมทางหลวง โดยสำนักอำนวยความปลอดภัย ได้สรุปรายงานข้อมูลอุบัติเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศ เดือนพฤษภาคม 2561 จากการรายงานอุบัติเหตุทางระบบ HAIMS พบว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นบนทางหลวงในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง  895 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 142 คน ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 716 คน จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุ 1,181 คัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรมทางหลวงเสียหายประมาณ 13 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบสถิติอุบัติเหตุเดือนพฤษภาคม 2560 อุบัติเหตุลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 1 ผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ 28 บาดเจ็บลดลงร้อยละ 9 จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุลดลงร้อยละ 5 ซึ่งสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนดร้อยละ 65 (559 ครั้ง) รองลงมาได้แก่ หลับในร้อยละ 8 (67 ครั้ง) การตัดหน้าระยะกระชั้นชิดร้อยละ 7 (56 ครั้ง) และอุปกรณ์รถบกพร่องร้อยละ 4 (33 ครั้ง) 

สำหรับอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางตรงร้อยละ 58 (494 ครั้ง) ทางโค้งปกติร้อยละ 17 (149 ครั้ง) และทางแยกระดับเดียวกันร้อยละ 7 (62 ครั้ง) ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ ได้แก่ รถปิคอัพบรรทุก 4 ล้อ ร้อยละ 36 (421 คัน) รถยนต์นั่งร้อยละ  21 (247 คัน) และรถจักรยานยนต์ร้อยละ 13 (154 คัน) หากจำแนกตามภาคของการเกิดอุบัติเหตุพบว่าเส้นทางภาคเหนือเกิดอุบัติเหตุสูงสุดร้อยละ 26 ภาคตะวันออกเหนือร้อยละ 21 และภาคใต้ร้อยละ 15 นอกจากนี้ ทางหลวงที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ทางหลวงหมายเลข 304 วังน้ำเขียว – ดอนขวาง  14 ครั้ง หากจำแนกตามรายจังหวัดพบว่านครราชสีมาเกิดอุบัติเหตุสูงสุด รองลงมาได้แก่ ตาก และสุพรรณบุรี ตามลำดับ 


ทั้งนี้ กรมทางหลวงมีมาตรการแก้ไขร่วมกับตำรวจทางหลวงในการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจจับความเร็วยานพาหนะที่วิ่งบนทางหลวง ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการลดและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม กรมทางหลวงขอความร่วมมือผู้ใช้ทางโปรดขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร เพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้ร่วมทาง รวมถึงป้องกันและลดอุบัติเหตุให้ได้ประสิทธิผลต่อไป.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง