นนทบุรี 17 มิ.ย. – ไทยดึงจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอิสราเอล ต่อยอดเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรสู่ประเทศไทย 4.0 พร้อมผลักดันการค้าตามเป้า 2,000 ล้านเหรียญในปี 63
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ประเทศอิสราเอล โดยได้ประชุมร่วมกับนายโอฮาด โคเฮ็น ปลัดกระทรวงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรัฐอิสราเอล ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือขยายการค้าและการลงทุน เพื่อบรรลุเป้าหมายการค้า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 และเนื่องจากอิสราเอลเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะร่วมมือกับอิสราเอลนำวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมาเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรของไทย
นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งอิสราเอลประสงค์จะเชิญไทยเข้าร่วมงานแสดงนวัตกรรมและสัมมนาด้านความมั่งคงของประเทศ (HLS & Cyber 2018) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 15 พฤศจิกายน 2561 ประเทศอิสราเอล และไทยจะเชิญอิสราเอลเข้าร่วมงาน Digital Thailand Big Bang ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 19 – 23 กันยายน 2561 ที่กรุงเทพฯ นอกจากนี้ ไทยยังได้เชิญชวนให้อิสราเอลเข้ามาลงทุนในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EECi ในสาขาที่อิสราเอลมีความเชี่ยวชาญ เช่น การแพทย์ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น
นางนันทวัลย์ กล่าวเพิมเติมว่า อิสราเอลอยู่ระหว่างดำเนินกระบวนการเปิดตลาดและพิจารณาวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืชให้กับสินค้าลำไยของไทย ขณะที่อิสราเอลสนใจส่งออกทับทิมมาไทยและได้แสดงความสนใจที่จะนำเข้าสับปะรดจากไทย เพราะเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวอิสราเอล ซึ่งรู้จักสับปะรดไทยจากการเดินทางมาเที่ยว นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้เชิญชวนให้ชาวอิสราเอลเดินทางมาเที่ยวไทยมากขึ้นผ่านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยววิถีไทย เป็นต้น โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวอิสราเอลเดินทางมาไทยอันดับหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกกลางปีละกว่า 170,000 คน
ปัจจุบันอิสราเอลเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 5 ของไทยในกลุ่มภูมิภาคตะวันออกกลาง ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้า สำคัญลำดับที่ 19 ของอิสราเอลในตลาดโลก หรือลำดับ 1 ในอาเซียน ตามด้วยสิงคโปร์และเวียดนาม ตามลำดับ ในปี 2560 การค้า 2 ฝ่ายมีมูลค่า 1,301.22 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.74 จากปี 2559 สินค้าที่ไทยมีศักยภาพในอิสราเอล ได้แก่ สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าข้าว อาหาร สินค้าอุปโภค บริโภคต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์ ของประดับบ้าน และสาขาที่ไทยมีศักยภาพเข้าไปลงทุน ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านอาหาร การผลิตอาหารโครเชอร์.-สำนักข่าวไทย