เปิดตัวมาตรการอนุรักษ์ EERS

กรุงเทพฯ 15 มิ.ย. – รวมพลัง 3 การไฟฟ้า เปิดตัวมาตรการอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ผลิตและจำหน่าย ตั้งเป้าประหยัดไฟฟ้า 206 ล้านหน่วย ในระยะเวลา 5 ปี


นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดตัวมาตรการบังคับใช้เกณฑ์มาตรฐานและอนุรักษ์พลังงานสำหรับผลิตและจำหน่ายพลังงาน หรือมาตรการ EERS ซึ่งเป็นความร่วมมือของ 3 การไฟฟ้า ประกอบด้วย การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในอีก 20 ข้างหน้าประเทศไทยจะมียอดการใช้ไฟฟ้าสูงถึง  360,000 ล้านหน่วย ปัจจุบันใช้ไฟฟ้าประมาณ 100,000 ล้านหน่วย กระทรวงพลังงานจึงต้องวางแผนจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการในอนาคต โดยมาตรการ EERS เป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยให้แผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิผล โดยนำความรู้ด้านการจัดการการใช้ไฟฟ้าของแต่ละหน่วยงานมาพัฒนาและต่อยอดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม


นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กฟผ.จัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (DSM) ตั้งแต่ปี 2536 เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองนโยบายของภาครัฐ ที่ผ่านมาสามารถลดพลังงานไฟฟ้าได้ 27,120 ล้านหน่วย และลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศลงกว่า 15.4 ล้านตัน สำหรับมาตรการ EERS กฟผ.นำงาน DSM มาพัฒนาต่อยอดเป็นโครงการนำร่อง ประกอบด้วย งานที่ปรึกษาแบบ ESCO และตรวจวัดการใช้พลังงานให้กับผู้ประกอบการภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม  โครงการสนับสนุนการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงเรียนและภาคครัวเรือนด้วยการเปลี่ยนหลอด LED และเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศ และโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง โดยจัดทำมาตรฐานการประหยัดพลังงานที่สูงกว่าเดิม และแบ่งเกณฑ์ประสิทธิภาพฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ให้สะท้อนผลการประหยัดพลังงานที่ละเอียดมากขึ้น โดยกำหนดใช้งานฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แบบใหม่ขึ้นวันที่ 1 มกราคม 2562 นอกจากนี้ ยังดำเนินโครงการโรงเรียนคาร์บอนต่ำลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและอุปกรณ์ไฟฟ้านำไปสู่การลดใช้พลังงานในภาพรวมอีกด้วย 

สำหรับมาตรการ EERS เป็นกลยุทธ์ในแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2558 – 2579 (EEP 2015) เพื่อเป็นมาตรการบังคับใช้เกณฑ์มาตรฐานอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายพลังงาน (EERS) โดยกำหนดให้ 3 การไฟฟ้า ดำเนินโครงการนำร่องเพื่อศึกษาถึงผลการลดการใช้ไฟฟ้าก่อนนำมากำหนดเป็นแนวทางการดำเนินงานมาตรการภาคบังคับในปี 2566 – 2579 อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ แบ่งมาตรการดำเนินงานเป็น 3 ประเภท ได้แก่ มาตรการให้คำปรึกษา โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าในกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีศักยภาพทุกภาคส่วน  มาตรการใช้แรงจูงใจทางการเงิน สนับสนุนการเงินแก่กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และมาตรการลักษณะภาพรวม (Mass) เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานในภาพรวม เช่น การจัดการพลังงานในรูปแบบ ESCO Matching  การจัดทำมาตรฐานประหยัดพลังงานที่สูงกว่ามาตรฐานฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน ทั้งนี้ คาดว่าช่วงโครงการนำร่องจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ 206 ล้านหน่วย

นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการ กฟน. กล่าวว่า การดำเนินมาตรการ EERS ในช่วงโครงการนำร่องปี 2561 – 2565 กฟน. กำหนดแนวทางเพื่อรองรับมาตรการ EERS ได้แก่ การให้คำปรึกษา ตรวจวัดการใช้พลังงาน นำเสนอแนวทางการประหยัดพลังงาน และให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ตลอดจนดำเนินโครงการ Energy Alert โดยพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนให้สามารถแจ้งเตือนข้อมูลการใช้ไฟฟ้าได้แบบตามเวลาจริง (Real Time) ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าตรวจสอบสถิติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลังและตระหนักถึงการใช้ไฟฟ้าของตนเองได้ 


นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการ กฟภ. กล่าวว่า กฟภ.ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่องและพร้อมสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนได้ใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีแนวทางส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้ในการใช้พลังงาน การปรับปรุงกระบวนการและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า การเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงการจัดการพลังงานในรูปแบบการอนุรักษ์พลังงาน (ESCO) โดยมีการสำรวจ ตรวจสอบ วิเคราะห์และประเมินศักยภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งดำเนินการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เพื่อให้เกิดการอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง