กรุงเทพฯ 13 มิ.ย.- คนร้ายยิงอดีตนักมวยบาดเจ้บสาหัสในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราชมอบตัวแล้ว ส่วน ด.ต.สังกัด สภ.กะปาง ที่ร่วมก่อเหตุศาลยกคำร้องขอหมายจับ ขณะที่ ผบ.ตร.กำชับให้ทำคดีไปตามพยานหลักฐานและตรงไปตรงมา ฟันเอาผิดทั้งวินัยและอาญาหากตำรวจผิดจริง
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงอดีตนักมวยชื่อดัง เหตุเกิดเวลา 02.00 น. วันที่ 10 มิ.ย ที่ผ่านมา บริเวณหน้าร้านเดอะเบส ถ.ประสานมิตร ตลาดทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรทุ่งสง มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย
จากการสอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสหรือข้อมูลของคนที่ก่อเหตุและตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิด เบื้องต้นทราบว่าตามวันเวลาเกิดเหตุ นายชวลิตหรือแน็กฯ ผู้ต้องหาได้นั่งรับประทานอาหารภายในร้านเดอะเบสกับ ด.ต.อดิสร หรือจ่าย้อย จินาวงศ์(สังกัก สภ.กะปาง จ.นครศรีธรรมราช) หลังจากร้านอาหารปิด จึงได้เดินทางกลับบ้าน ระหว่างที่เดินทางออกจากนอกร้าน นายชวลิตฯได้มีปากเสียงกับนายศราวุธ สุขศรี(คนถูกยิง) ที่ยืนอยู่หน้าร้าน โดยนายศราวุธฯ ได้เดินเข้ามาชก ด.ต.อดิสรณ์ฯ เป็นเหตุให้ ด.ต.อดิสรณ์ฯ ได้ชกนายศราวุธฯ กลับคืน นายชวลิตฯ จึงเดินไปหยิบอาวุธปืนที่รถจักรยานยนต์ ยิงไปที่นายศราวุธ จนนายศราวุธฯ ล้มลง หลังจากนั้น นายชวลิตฯและ ด.ต.อดิสรรณ์ฯ ได้แยกย้ายกันหลบหนี
ต่อมาวันที่ 11 มิ.ย. พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอหมายจับนายศราวุธในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว่ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเมื่อวันที่ 12 มิ.ย 61 นายศราวุธฯ ได้ติดต่อขอมอบตัว สำหรับด.ต.อดิสรณ์ฯ พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลอนุมัติหมายจับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า แต่ศาลจังหวัดทุ่งสง ได้ยกคำร้อง
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนอย่างรวดเร็ว ตรงไปตรงมา ว่าไปตามพยานหลักฐาน โดยอาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดทั้งทางอาญาและวินัย ที่ผ่านมาได้สั่งการข้าราชการตำรวจทุกนายไม่ให้กระทำผิดกฎหมาย หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย เสียเอง กำชับให้ผู้บังคับบัญชาหมั่นตรวจสอบ สอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีพฤติการณ์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติตนนอกแถวจะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้อยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กร.-สำนักข่าวไทย