กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.- ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้ให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าเสียหายชาวกะเหรี่ยงคดีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำละเมิดและผลักดันกะเหรี่ยงที่บุกรุกป่าแก่งกระจาน รายละ 50,000 บาท แต่ไม่ให้ผู้ฟ้องทั้ง 6 คนกลับไปอยู่ในป่าแก่งกระจานได้ตามเดิม
ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีที่นายคออี้ มีมิ ชาวกะเหรี่ยงบางกลอยและพวกรวม 6 คน ฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในข้อหาเผาทำลายบ้านของชาวกะเหรี่ยง โดยเรียกร้องให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าเสียหายสิ่งปลูกสร้างและของใช้ที่ถูกทำลายจากการเข้ารื้อถอน และขอกลับไปอาศัยในป่า
โดยในวันนี้ (12มิ.ย.) นายคออี้ ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ แต่โจทก์อีก 5 คน รวมถึงภรรยาของกะเหรี่ยง “บิลลี่” ที่หายตัวไป ซึ่งเป็นพยานในคดีได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย ส่วนฝั่งเจ้าหน้าที่รัฐ มีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเดินทางมาเช่นกัน
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุด พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การรื้อถอนเผาทำลายสิ่งปลูกสร้าง แม้เป็นมาตรการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกยึดครองที่ดินตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ เลือกใช้มาตรการบังคับ ตามอำเภอใจ โดยในศาลปกครองชั้นต้น มีคำพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายเครื่องใช้ในครัวเรือนผู้ร้องรายละ 5,000 บาท และของใช้ส่วนตัวรายละ 5,000 บาท ซึ่งในชั้นศาลปกครองสูงสุด เห็นด้วยบางส่วน จึงพิพากษาแก้ ให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนผู้ฟ้องเฉลี่ยคนละ 50,000 บาท ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำพิพากษา ส่วนที่ผู้ร้องขอสิทธิ์กลับไปอยู่อาศัยและทำกินในป่าแก่งกระจาน ศาลเห็นว่าผู้ฟ้องไม่มีหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดิน หรือ หลักฐานการครอบครองที่ดินเพื่อทำประโยชน์ จึงไม่อาจให้กลับไปอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่เดิมได้.-สำนักข่าวไทย