กรุงเทพฯ 9 มิ.ย.- สัปดาห์นี้เงินบาทอ่อนค่าปลายสัปดาห์ ส่วนตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดที่ระดับใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อน
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์นี้(4-9 มิ.ย.) ว่า เงินบาทกลับมาอ่อนค่าช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาททยอยแข็งค่าในช่วงต้น-กลางสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค สถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และแรงขายเงินดอลลาร์ฯ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสที่ ECB จะยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณภายในปีนี้ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับไปอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ มีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ก่อนการประชุม G-7 ช่วงสุดสัปดาห์ และการประชุมเฟดในวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ ในวันศุกร์ (8 มิ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.04 เทียบกับ 32.01 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (1 มิ.ย.) สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 มิ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.80-32.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (12-13 มิ.ย.) ซึ่งคาดว่า เฟดจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเปิดเผย Dot Plot ใหม่หลังประชุมรอบนี้ ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ผลสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนมิ.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. และตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ เดือนเม.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (เพื่อประเมินสัญญาณที่อาจสะท้อนว่า ECB เตรียมที่จะยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ในเดือนก.ย.นี้) และสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า
ส่วนสรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้(4-9 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทย กลับมาปิดที่ระดับใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,722.04 จุด เพิ่มขึ้น 0.13% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับลดลง 22.59% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 55,311.84 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 461.76 จุด เพิ่มขึ้น 0.60% จากสัปดาห์ก่อน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์ ด้วยแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน กอปรกับแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ท่ามกลางสัญญาณการจัดเลือกตั้งภายในประเทศที่ชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ดี ดัชนี SET กลับมาปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ตามตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงมีแรงขายทำกำไรของนักลงทุนรายย่อย ขณะที่ นักลงทุนต่างชาติ ก็ยังคงสถานะขายสุทธิเกือบตลอดสัปดาห์ สำหรับสัปดาห์ถัดไป (11-15 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,710 และ 1,700 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,735 และ 1,750 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อื่นๆ ได้แก่ การประมาณการเศรษฐกิจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนและจีน ตลอดจนสถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า-สำนักข่าวไทย