คาดเงินสะพัดบอลโลก 2018 กว่า 78,000 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – หอการค้าไทยเผยผลสำรวจฟุตบอลโลก 2018 คึกคัก เงินสะพัดกว่า 78,000 ล้านบาท เป็นเม็ดเงินจากการเล่นพนันบอลกว่า 58,000 ล้านบาท


นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก World Cup  2018 จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่า ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 93.33 ติดตามการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ทำให้มีค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้น จากค่าไฟฟ้า การซื้อทีวี วิทยุ และคอมพิวเตอร์  การติดตั้งสัญญาณดาวเทียม ค่าติดตั้งอินเทอร์เน็ต ค่าสังสรรค์จัดเลี้ยง และซื้อสุรา รวมถึงการทานข้าวนอกบ้านและการซื้อของที่ระลึกของทีมบอล ส่งผลให้มีเม็ดเงินการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจประมาณ 19,300 ล้านบาท 

ทั้งนี้ แบ่งเป็นการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและสังสรรค์ ประมาณ 15,400 ล้านบาท ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์รับสัญญาณ ประมาณ 2,460 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก 1,488 ล้านบาท เป็นต้น โดยได้ประเมินภาพรวมการจับจ่ายในช่วงฟุตบอลโลกปีนี้จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณร้อยละ 0.2 – 0.3 ถือว่าไม่คึกคักเหมือนในอดีตที่การแข่งขันแต่ละปีจะสูงเกินกว่า 20,000 ล้านบาท สะท้อนว่าประชาชนยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย 


นอกจากนี้ ผู้ตอบส่วนใหญ่ ระบุว่าคนรู้จักจะเล่นพนันฟุตบอลเพิ่มขึ้นจากการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการรางวัลและมีเพื่อนชักชวน รวมทั้งสามารถเข้าถึงการเล่นพนันบอลง่ายและมีช่องทางการเล่นจากเว็บไซต์ของต่างประเทศจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมีผู้เล่นพนันบอลประมาณร้อยละ 42.3 ซึ่งประมาณการใช้จ่ายจากการพนันถือเป็นเม็ดเงินนอกระบบเศรษฐกิจประมาณ 58,900 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทางศูนย์ฯ ได้สรุปการใช้จ่ายทั้งในระบบเศรษฐกิจและนอกระบบจากการเล่นพนันบอลในช่วงฟุตบอลโลก รวม 78,385 ล้านบาท ขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับช่วงบอลยูโร 2016 โดยผู้ตอบยังมีความเป็นห่วงถึงประสิทธิภาพการทำงาน หรือการเรียนที่ลดลง มีการโจรกรรมมากขึ้น และทำให้มีการเล่นพนันสูงขึ้น ดังนั้น ควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดในการรับชมฟุตบอลโลกอย่างมีสติ ตลอดจนภาครัฐ ควรเข้มงวดในการจับปรับการเล่นพนัน และตรวจตราแหล่งชุมชนที่เปิดให้มีโต๊ะพนันบอลอย่างเข้มงวด รวมทั้งส่งเสริมและกระตุ้นให้เด็กทราบถึงผลเสียของการเล่นพนันและสิ่งที่น่ากังวล หากไม่มีการควบคุมที่ดีจะก่อให้เกิดการทวงหนี้ตามมาภายหลังฟุตบอลโลกจบการแข่งขัน ดังนั้น หน่วยงานที่กำกับดูแลจะต้องหามาตรการรองรับในปัญหาเหล่านี้ไปด้วย. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ