ทำเนียบฯ 5 มิ.ย.-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยัน หากกฎหมายท้องถิ่นทั้ง 6 ฉบับเสร็จสิ้น พร้อมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น ขณะที่การจัดการเลือกตั้งใหญ่เป็นไปตามโรดแมปของรัฐบาล ย้ำการปรับ ครม. ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความพร้อมของกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้ง 6 ฉบับที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีข้อคิดเห็นในหลายประเด็น ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังเร่งพิจารณาร่างกฎหมายให้เสร็จโดยเร็ว ยืนยันว่าหากรัฐบาลเห็นว่ากฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้ง 6 ฉบับมีความพร้อมก็จะมีการหารือร่วมกันระหว่างคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องนโยบาย ส่วนจะเกิดก่อนหรือหลังการเลือกตั้งใหญ่นั้น มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 แนวคิด และขึ้นอยู่กับประชนจะมองอย่างไร
“ส่วนตัวมองว่าหากกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นเสร็จเร็ว ก็น่าจะดำเนินการได้ เพราะใช้ระยะเวลาเพียง 45 วันในการจัดเตรียมการเลือกตั้ง ทั้งนี้หากการเลือกตั้งท้องถิ่นและการเลือกตั้งใหญ่มีระยะเวลาห่างกันเล็กน้อย ก็จะไม่เกิดปัญหาและสร้างความสับสนให้กับประชาชน คาดว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะมีขึ้นในสิ้นปีนี้ เพราะหากเกิดในช่วงต้นปีหน้าจะชนกับการเลือกตั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ส่วนในข้อเท็จจริงด้านนโยบาย ขอให้ไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
ส่วนนักการเมืองท้องถิ่นที่ก่อนหน้านี้ถูกตรวจสอบตามคำสั่งตามมาตรา 44 ของ คสช.นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมีการพิจารณาเสร็จสิ้น ก็จะต้องส่งเรื่องไปยังศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อดำเนินการต่อไป ยืนยันว่าการเลือกตั้งเป็นไปตามไทม์ไลน์ของรัฐบาล
สำหรับกรณีการปรับพลเรือนภายในกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เพื่อให้มีความใกล้ชิดกับประชาชน กระทรวงมหาดไทยมีความพยายามในการทำงานใกล้ชิดกับประชาชน เพราะ คสช.นั้นไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยใช้กลไกประชารัฐ โดยทุกกระทรวงได้ทำงานอย่างบูรณาการ เช่น โครงการไทยนิยมยั่งยืนที่ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน ยอมรับว่ารัฐมนตรีที่มาจากทหารกับการเลือกตั้งแตกต่างกัน และใครจะวิพากษ์วิจารย์อย่างไรก็เชิญ แต่ยืนยันว่าตนเข้าถึงประชาชน
เมื่อถามถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี หากมีการปรับเกิดขึ้นจริงจะมีสัดส่วนที่มาจากพลเรือนมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นอำนาจและสิทธิของนายกรัฐมนตรีที่จะตัดสินใจเลือกคนเข้ามาทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย