ดินแดง 1 มิ.ย.-ก.แรงงาน เล็งทบทวนปลดล็อกวิศวะโยธา-บัญชี-สถาปัตย์ ต่างด้าวทำได้ อาทิตย์หน้าหลัง 3 สภาวิชาชีพแย้งแรงงานไทยไม่ขาด หวั่นกระทบความมั่นคง
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานหารือร่วมระหว่าง 3 สภาวิชาชีพ ประกอบด้วยสภาวิชาวิศวกร สภาวิชาชีพบัญชี สภาสถาปนิกและทีดีอาร์ไอ ถึงประเด็นการปลดล็อกอาชีพสงวนใน 3 สาขา คือ วิศวะโยธา-บัญชี-สถาปัตย์ เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจร่วมกับ 3 สภาวิชาชีพ หลังมีกระแสข่าวว่า กระทรวงแรงงานจะเปิดให้ต่างด้าวทำอาชีพดังกล่าวได้อย่างเสรี จนทำให้ 3สภาวิชาชีพต้องออกมาแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย
พล.ต.อ.อดุลย์ ชี้แจงในที่ประชุมว่าจากอาชีพสงวนที่เดิมห้ามคนต่างด้าวทำ 39 อาชีพกระทรวงแรงงานเตรียมปลดล็อกห้ามทำเพียง 28 อาชีพ และอนุญาตให้ทำได้12อาชีพแต่มีเงื่อนไขคือต้องมีนายจ้างเป็นคนไทย ไม่เป็นเจ้าของกิจการและต้องไม่กรืบกับความมั่นคง ไม่เป็นงานที่แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย มีความเป็นที่ต้องใช้แรงงาน และไม่แย่งงานคนไทย ซึ่งสาขาวิศวะโยธา บัญชี และสถาปัตย์ ก็รวมอยู่ใน 12 อาชีพที่อนุญาตแต่มีเงื่อนไขด้วย และการปลดล็อก 3 อาชีพดังกล่าวเป็นไปตามข้อตกลงของ 10 ประเทศอาเซียนตามอนุสัญญาบาหลี คองคอร์ดเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศอาเซียน แต่มีข้อกำหนดแรงงงานที่เข้ามาทำงานในประเทศใด จะต้องยึดหลักและกฎระเบียบตามที่สภาวิชีพของประเทศนั้นๆ กำหนด และการปลดล็อกอาชีพสงวนข้างต้นเป็นเพียงข้อสรุปจากการรับฟังความคิดเห็น ยังไม่ใช่ประกาศแต่อย่างใด เพราะต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ
ด้านผู้แทนสภาวิชาวิศวกร สภาวิชาชีพบัญชี สภาสถาปนิก เมื่อได้ฟังคำชี้แจงจาก รมว.แรงงาน ส่วนใหญ่บอกว่า เบาใจและคลายกังวล โดยยอมรับหลังทราบข่าวว่ากระทรวงแรงงานจะอนุญาตให้แรงงานต่างสัญชาติทำใน 3 สาขาดังกล่าวได้อย่างเสรี เนื่องจากหวั่นเรื่องของความมั่นคง เพราะมองว่าวิศกรต่างชาติไม่มีความชำนาญเท่าคนไทย ทั้งเรื่องโครงสร้างทางภูมิศาสตร์ อีกทั้งงานสถาปนิก หลายอย่างเป็นเรื่องของศิลปะที่แสดงอัตลักษณ์ความเป็นไทย และ 3 สาขายืนยันไม่ขาดแคลนแรงงานไทย ซึ่งเมื่อฟัง รมว.แรงงานชี้แจง ก็ยอมรับได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขคือ อยู่ภายใต้การตควบคุมของสภาวิชาชีพ และก่อนที่จะประกาศปลดล็อกอาชีพสงวน ต้องเห็นร่างดังกล่าว และสภาวิชาชีพต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย
ขณะที่นายประเสริฐ หวังรัตนปราณี อุปนายก สภาวิชาชีพบัญชี กลับมองว่าในส่วนของบัญชี ไม่ควรเปิดให้ต่างชาติเข้ามาทำงาน และควรสงวนไว้เช่นเดิม โดยให้เหตุผลว่า งานบัญชี เป็นเรื่องของรายได้ต้นทุน หากเปิดให้ต่างชาติเข้ามาทำ กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะเห็นข้อมูลของบริษัท และอาจเอาข้อมูลไปขายให้บริษัทคู่แข่ง เพื่อหวังกำไร ซึ่งต่างจากวิศวะ และสถาปัตย์ แม้ที่ผ่านมาจะห้ามต่างชาติในสาขานี้ แต่กลับพบว่าลักลอบทำมาก ส่วนใหญ่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าผู้ตรวจสอบบัญชี มีรายได้สูงกว่าคนไทยมาก และหอบรายได้กลับประเทศของตนเองเป็นจำนวนมาก และที่สำคัญปัจจุบันไทย มีผู้สอบบัญชี 1 หมื่นคน สามารถลงนามตรวจสอบได้คนละ 200 ราย รวมกว่า 2 ล้านงบประมาณ ขณะที่มีคนทำบัญชี 6 หมื่นคน 11 คนทำได้ 100 งบประมาณ รวม 6 ล้านงบประมาณ แต่ขณะนี้ในประเทศมีเพียง 6 แสนงบประมาณเท่านั้น ประกอบกับมีเด็กจบบัญชีเฉลี่ย 1-2คนต่อปี ซึ่งแรงงานมีความเพียงพอ ไม่ขาดแคลน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปลดล็อกให้คนต่างชาติทำ
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความรอบครอบในการจัดทำอาชชีพสงวนใหม่ รมว.แรงงาน จึงมอบหมายให้ปลัดกระทรวงแรงงาน นำข้อเสนอของ 3 สภาวิชาชีพ กลับมาทบทวนในที่ประชุมโต๊ะเล็กก่อน นำผลสรุปเสนอต่อที่คณะกรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าวกลางเดือน มิ.ย..-สำนักข่าวไทย
