ปปป. 1 มิ.ย.- ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลหาหลักฐานคดีเงินทอนวัดลอต 4 ที่เบื้องต้นเริ่มพบการทุจริตแล้ว ส่วนคดีเงินทอนวัดลอต 3 โดยเฉพาะการติดตามตัว “อดีตพระพรหมเมธี” ที่ยังหลบหนี ล่าสุดมีรายงานการพบเห็นรถตู้คันที่พาหลบหนี ซุกที่วัดในนครพนม และอาจออกนอกประเทศ กบดานในเขตภูเขาควาย ประเทศลาว
ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบและหาหลักฐานในคดีเงินทอนวัดลอตที่ 4 หลังเมื่อวานนี้ พลตำรวจตรีกมล เหรียญราชา ผู้บังคับการ ปปป. ยืนยันว่า มีการลงพื้นที่ตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดทั่วประเทศและพบการกระทำผิดบ้างแล้ว เบื้องต้นเน้นตรวจวัดที่ได้รับงบประมาณปี 2555 – 2559 งบเกิน 1 ล้านบาทขึ้นไป แต่ยังสรุปไม่ได้ว่ามีกี่วัด ยืนยันว่าคดีเงินทอนวัดลอตที่ 4 อาจไม่ใช่ลอตสุดท้าย เพราะจะตรวจสอบจนไม่มีวัดทุจริต
ส่วนการติดตามตัว “อดีตพระพรหมเมธี” หรือ “พระจำนงค์ เอี่ยมอินทรา” ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัดลอตที่ 3 ล่าสุดมีรายงานว่าพลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมพลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม และ ตำรวจกองปราบ ลงพื้นที่เป็นทางลับตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพื่อตามแกะรอยและจับกุมตัว “อดีตพระพรหมเมธี” โดยชุดสืบสวนฯ รายงานว่า พบเบาะแสสำคัญหลังพบรถตู้ต้องสงสัย ที่เชื่อว่าเป็นรถของ “อดีตพระพรหมเมธี” จอดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ก่อน “อดีตพระพรหมเมธี” หายตัวไป และตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นรถของผู้ใด
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย รายงานเพิ่มเติมว่า “อดีตพระพรหมเมธี” ได้รับการช่วยเหลือจากสีกาคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักธุรกิจช่วยเดินทางข้ามแม่น้ำโขงไปยังลาว ก่อนพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว จากนั้นเช้าวานนี้ (31 พ.ค.) ได้เดินทางออกนอกเมืองไป 50 กิโลเมตร คาดว่าอาจไปกบดานที่ “ภูเขาควาย” ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ มียอดเขาหลายลูก ซึ่งพบว่ามีการสร้างวัดและสำนักสงฆ์ชื่อดัง ที่พระจากฝั่งไทยเดินทางไปปฏิบัติธรรม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวตำรวจยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
ด้านพันตำรวจเอกณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง “อดีตพระราชอุปเสณาภรณ์” หรือ “อดีตพระสังคม” ที่เพิ่งถูกนำตัวฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ว่า ในคืนแรกได้ถูกคุมตัวในแดนแรกรับเพื่อให้ปรับตัวตามระเบียบเรือนจำ ตลอดคืนที่ผ่านมาไม่มีอาการวิตกใดๆ ส่วนอดีตพระทั้งหมดที่ถูกคุมตัวในเรือนจำอีก 6 คน ได้นำตัวมายังแดนควบคุมผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งเรือนจำได้อะลุ่มอะล่วยเรื่องการแต่งกายและวิถีชีวิตเพราะทุกคนเคยครองสมณเพศมาเป็นเวลานาน แต่โดยรวมแล้วพบว่าทุกคนปรับตัวได้ดีขึ้น
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงอาการป่วยของ “อดีตพระพุทธะอิสระ” ที่ถูกฝากขังคดีอั้งยี่ซ่องโจรและปลอมพระปรมาภิไธยว่า พบการเคลื่อนไหวของ “อดีตพระพุทธะอิสระ” ไม่สะดวก เนื่องจากมีอาการหมอนรองกระดูกอักเสบ โดยมีแพทย์มาดูอาการและกายภาพบำบัดทุกวัน แต่หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์อาจต้องพิจารณาเรื่องการผ่าตัด.-สำนักข่าวไทย