กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – ขสมก.รับมอบรถปรับอากาศไฮบริดจากไจก้า วิ่งทดสอบทันที 7 เส้นทาง เริ่ม 16 มิ.ย. นี้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำยี่ห้อฮีโน่ ระบบดีเซลและไฟฟ้า (ไฮบริด) ในโครงการความร่วมมือระหว่างองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริษัท ฮีโน่ และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า)
นายประยูร ช่วยแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถองค์การ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการ ขสมก. เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ขสมก.มีรถโดยสารประจำทางวิ่งให้บริการประชาชน 2,674 คัน ซึ่งรถโดยสารส่วนใหญ่ใช้ระบบเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้มีต้นทุนการเดินรถและค่ามลพิษทางไอเสียค่อนข้างสูง ขสมก.จึงร่วมกับ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และไจก้านำรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำยี่ห้อฮีโน่ ระบบไฮบริดจำนวน 1 คัน มาทดลองวิ่งให้บริการประชาชนในเส้นทางเดินรถของ ขสมก.เป็นระยะเวลา 4 เดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กันยายน 2561 ใน 7 เส้นทางการเดินรถ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงาน และสมรรถภาพของรถโดยสาร โดยเก็บค่าโดยสารตามอัตราปกติ
สำหรับ 7 เส้นทางที่ทดลองวิ่ง ได้แก่ สาย A1 (ดอนเมือง – หมอชิต 2) วิ่งระหว่างวันที่ 16 – 30 มิถุนายน 2561 สาย 510 (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต – อนุสาวรีย์ชัยฯ) วิ่งระหว่างวันที่ 1 – 15 กรกฎาคม 2561 สาย 522 (รังสิต – อนุสาวรีย์ชัยฯ) วิ่งระหว่างวันที่ 16 – 31 กรกฎาคม 2561 สาย 145 (อู่เมกาบางนา – หมอชิต 2) วิ่งระหว่างวันที่ 1 – 15 สิงหาคม 2561 สาย 511 (ปากน้ำ – สายใต้ใหม่) วิ่งระหว่างวันที่ 16 – 31 สิงหาคม 2561 สาย 138 (พระประแดง – หมอชิต 2) วิ่งระหว่างวันที่ 1 – 15 กันยายน 2561 และสาย 140 (แสมดำ – อนุสาวรีย์ชัยฯ) วิ่งระหว่างวันที่ 16 – 30 กันยายน 2561
ทั้งนี้ บริษัท ฮีโน่มอเตอร์สเซลล์ฯ ยินดีโอนกรรมสิทธิ์รถโดยสารคันดังกล่าวให้กับ ขสมก.เพื่อนำไปวิ่งให้บริการประชาชนระยะยาว กำหนดจัดพิธีส่งมอบรถโดยสารดังกล่าว สำหรับรถโดยสารปรับอากาศชานต่ำยี่ห้อฮีโน่ระบบไฮบริดคันที่นำมาทดลองวิ่งนี้เป็นรถที่ผลิตและประกอบภายในประเทศไทย ขนาด 12 เมตร 35 ที่นั่ง เครื่องยนต์ขนาด 250 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลและมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 90 กิโลวัตต์ สามารถประจุไฟได้เองโดยไม่ต้องพึ่งสถานีประจุไฟฟ้า อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และปริมาณการปล่อยมลพิษจากไอเสีย เมื่อเปรียบเทียบกับรถโดยสารระบบดีเซล พบว่ามีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 3.5 กิโลเมตร/ลิตร ประหยัดกว่ารถโดยสารระบบดีเซล 2 เท่า มีปริมาณการปล่อยมลพิษจากไอเสีย 76,926 กิโลกรัม/ปี ต่ำกว่ารถโดยสารระบบดีเซลร้อยละ 48.56 .-สำนักข่าวไทย