กรุงเทพ ฯ 28 พ.ค. – ธปท.ชี้แจงผลขาดทุน 270,688 ล้านบาท เหตุจากการตีราคาเงินสำรองระหว่างประเทศ ไม่กระทบต่อความมั่นคงของเศรษฐกิจไทย
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ผลการดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประจำปี 2560 โดยมีผลขาดทุนรวม 270,688 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลที่เกี่ยวเนื่องกับการตีราคาเงินสำรองระหว่างประเทศเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ผลจากการตีราคาเงินสำรองระหว่างประเทศตามมาตรฐานบัญชีกำหนดให้ทุกสิ้นปีต้องตีราคาสินทรัพย์เหล่านี้ในรูปของเงินบาท และเนื่องจากกว่าร้อยละ 85 ของสินทรัพย์ที่ ธปท.ถือในรูปเงินตราต่างประเทศ ผลจากการตีราคาจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของ ธปท.ผันผวนขึ้นลงตามอัตราแลกเปลี่ยนแต่ละช่วง โดยปกติเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี ค่าเงินจะมีแนวโน้มแข็งขึ้น ธนาคารกลางก็มักจะขาดทุนจากการตีราคา แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ค่าเงินอ่อนค่าลง ธนาคารกลางจะมีกำไรจากการตีราคา งบการเงินของธนาคารกลางจึงเป็นผลสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและฐานะการเงินของภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ ของประเทศ
โดยปี 2560 เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักหลายสกุลและแข็งค่าขึ้นจาก 35.82 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสิ้นปี 2559 เป็น 32.66 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสิ้นปี 2560 จึงส่งผลให้เกิดการขาดทุนจากการตีราคาประมาณ 200,000 ล้านบาท โดยสิ้นปี 2560 ธปท.มีเงินสำรองระหว่างประเทศ (รวมฐานะการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า) กระจายอยู่ในสกุลเงินต่าง ๆ มูลค่ารวมประมาณ 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนจากการตีราคาไม่ได้กระทบต่อความมั่นคงด้านต่างประเทศของเศรษฐกิจไทย เพราะเงินสำรองระหว่างประเทศที่จำเป็นต่อการดูแลเสถียรภาพด้านต่างประเทศจะต้องถืออยู่ในรูปของสินทรัพย์ต่างประเทศที่มีไว้พร้อมใช้สำหรับการรองรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศและการไปลงทุนในต่างประเทศของคนไทย ตลอดจนเป็นกันชนรองรับการไหลออกของเงินทุน.-สำนักข่าวไทย