เอกชนตื่นตัวต่อต้านคอร์รัปชั่น

กรุงเทพฯ  25 พ.ค. – ก.ล.ต.เผยสัญญาณดีมีเอกชนร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านทุจริตกว่า 200 บริษัท แนะธุรกิจครอบครัวใช้หลักธรรมาภิบาลเดินหน้าธุรกิจ


นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวปาฐกถาภายในงานสัมมนาความรับผิดชอบและแนวปฏิบัติขององค์กรธุรกิจเอกชนในการป้องกันและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นถึงสถานการณ์ต่อต้านคอร์รัปชั่นในภาคเอกชนไทย ว่า มีสัญญาณที่ดี เพราะมีบริษัทอย่างน้อยกว่า 200 แห่งที่ลุกขึ้นมาประกาศเจตนารมณ์อย่างเป็นรูปธรรมที่จะไม่ยอมรับคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ พร้อมวางระบบเพื่อป้องกัน ตรวจสอบ และแก้ไขจุดที่จะทำให้เกิดคอร์รัปชั่น

เลขาฯ ก.ล.ต. กล่าวว่า การตื่นตัวของภาคเอกชนนับเป็นความหวังในการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ขององค์กรหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งที่ควรร่วมกันทำให้ปลอดการทุจริตคอร์รัปชั่น มองว่าโครงสร้างบริษัทแบบครอบครัว ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงร้อยละ 70 ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนึ่งที่ต้องเอา Corporate Governance (CG) เข้ามาใช้ให้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทที่อยู่ในลักษณะของการบริหารแบบครอบครัวประสบความสำเร็จรุ่นที่ 3 มีเพียงร้อยละ 10 และรุ่นที่ 4 ที่ประสบความสำเร็จมีเพียงร้อยละ 1 ซึ่งกลุ่มที่ประสบความสำเร็จเป็นกลุ่มที่เปลี่ยนทัศนคติ มองว่าธรรมาภิบาลไม่ได้เป็นเรื่องของกฎเกณฑ์ แต่เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ


ส่วนตลาดและนักลงทุนเข้ามามีอิทธิพลเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันนักลงทุนไม่ได้มองแค่ผลประโยชน์จากการลงทุนเท่านั้น แต่ยังพิจารณาในแง่ของธรรมาภิบาลว่าบริษัทที่จะลงทุนมีคุณสมบัติด้านนี้หรือไม่ แม้ว่าการจัดอันดับดัชนีบ่งชี้ระดับคอร์รัปชั่นระหว่างประเทศปี 2560 ไทยอยู่ในอันดับที่ 96 จาก 180 ประเทศทั่วโลก นั้นมองว่าเป็นเรื่องของความรู้สึก อยากให้โฟกัสสิ่งที่เป็นรูปธรรม คือการทำให้เกิดผลจริงมากกว่า

ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคมนี้ The Asian Corporate Governance Association (ACGA) ซึ่งเป็นหน่วยงานในการประเมินและจัดอันดับด้านทุจริตคอร์รัปชันระดับโลกจะเข้ามาประเมินประเทศไทย ซึ่งอาจจะมีการสอบถามและสัมภาษณ์บุคลากรหลายองค์กร เพื่อประเมินภาพรวมด้วย. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]