กรมสุขภาพจิต แนะ 5 สิ่งไม่ควรทำขณะโกรธ

สธ.22 พ.ค.-กรมสุขภาพจิต พบการเผยแพร่คลิปทะเลาะวิวาทผ่านสื่อโซเชียลบ่อยครั้ง แนะประชาชนฝึกการติดเบรคควบคุมอารมณ์ พร้อม5สิ่งไม่ควรทำขณะโกรธ เช่น ไม่โพสต์ลงเฟ๊ชบุค-ไม่ดื่มเหล้า-ไม่ขับรถฯลฯ เพราะอาจเพิ่มรุนแรง 


น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้พบว่าสื่อโซเซียลมีการเผยแพร่คลิปการทะเลาะวิวาทกันบ่อยๆ ซึ่งอารมณ์โกรธนี้เป็นเรื่องปกติที่พบได้ในคนทั่วไป มักจะเกิดขึ้นเมื่อตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ เช่น ถูกตำหนิ ถูกนินทา ถูกโกง ถูกคนอื่นขับรถปาดหน้า หรือถูกเอาเปรียบ เป็นต้น หากไม่สามารถควบคุมได้ จะกลายเป็นพลังทำลาย  ทำอะไรหุนหันพลันแล่น การตัดสินใจผิดพลาดง่ายนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ทั้งความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ปัญหาที่ทำงาน ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ความโกรธจะนำไปสู่การเพิ่มความเครียด และในทำนองเดียวความเครียดก็มักทำให้มีความโกรธเพิ่มมากขึ้น และอาจมีผลกระทบทางกาย โดยขณะที่เกิดอารมณ์โกรธ ต่อมแอดรีนัลของร่างกาย จะขับสารคัดหลั่งชื่อแอดรีนาลินออกมาสู่กระแสโลหิต สารนี้จะกระตุ้นประสาทอัตโนมัติทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น หากเกิดในผู้มีปัญหาความดันโลหิตสูงอยู่เดิม อาจเพิ่มความเสี่ยงอันตราย  อาจทำให้เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก  เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ด้วยเช่นกัน


อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวว่า ประชาชนทุกคนควรฝึกการติดเบรค เพื่อควบคุมอารมณ์และจัดการกับความโกรธของตัวเองให้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยใช้วิธีฝึกการถามใจตัวเองในเบื้องต้น 4 ข้อดังนี้ 1. มองและคิดไปให้ไกลถามตัวเองว่าเรื่องที่โกรธอยู่นี้สำคัญต่อตัวเราเองมากน้อยแค่ไหน   2. ให้ถามตัวเองว่า ถ้าเราตอบโต้อะไรลงไปทันทีตามความโกรธ จะเกิดอะไรขึ้น “ได้แค่สะใจชั่วคราวแต่ต้องเสียใจเสียชื่อไปตลอดชีวิตหรือไม่”3. ให้ลองถามตัวเองว่า เราได้เคยทำสิ่งเดียวกับที่คนอื่นทำกับเราในวันนี้หรือไม่ และเราเองก็ไม่รู้ตัวว่าทำให้คนอื่นโกรธเช่นกัน และ4. ลองถามตัวเองว่า เพราะเหตุใดคนอื่น จึงทำเช่นนี้กับเรา ให้ลองคิดแบบมีเหตุมีผลว่าเขาอาจมีความจำเป็นจึงทำเช่นนั้น การถามตัวเอง จะช่วยประวิงเวลา ทบทวนตัวเอง ทำให้ใจเย็นลง ตั้งสติได้ ไม่หุนหันพลันแล่น และมองเห็นปัญหานั้นเล็กลง ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้จากการถามใจตัวเอง คือการให้อภัย  การปล่อยวาง และทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี


ด้าน ดร.สุดา  วงศ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิตกล่าวว่า เมื่อมีความโกรธเกิดขึ้น  ขอแนะนำให้ประชาชนใช้วิธีจัดการกับความโกรธ โดยเบี่ยงเบนความสนใจออกไปจากเหตุการณ์ที่ทำให้โกรธ แบบง่ายๆ 5 วิธี  เลือกทำวิธีการใดวิธีหนึ่งหรือทำหลายวิธีก็ได้  ดังนี้ 1.พยายามนับ 1ถึง10 ในใจก่อนจะพูดอะไรออกไปขณะโกรธจะช่วยลดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำในขณะกำลังโกรธได้   

2. ลองนับ 1ถึง10รูปแบบใหม่ ซี่งจะทำให้ควบคุมความโกรธได้ดีขึ้น โดยนับพร้อมกับสูดลมหายใจเข้า-ออกทางช่องท้อง ลีกๆ ช้าๆ ระหว่างเลขแต่ละจำนวน  วิธีนี่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เนื่องจากสมองได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น  3. ให้นับ 1 ถึง 10 พร้อมกับนึกถึงสิ่งของที่ตัวเองชื่นชอบหรือนึกถึงสิ่งทำให้อารมณ์ดี เช่น ไอศกรีม 1 แท่ง  2 แท่ง 3 แท่ง จะทำให้จิตใจผ่อนคลายลงและเกิดความรู้สึกที่ดีแทนที่อารมณ์โกรธ 4. ใช้วิธีนับเลขถอยหลังจาก 100 จนถึง 80  การใช้สมาธิจดจ่อกับการนับ ทำให้หยุดคิดถึงเรื่องที่กำลังโกรธได้  และ 5. ให้ลองหลับตานึกถึงเหตุการณ์หรือสิ่งใดๆในอดีตที่ได้พบเจอแล้วมีความสุขใจ สบายใจ คลายเครียด เช่นการท่องเที่ยวในที่ต่างๆ เดินเที่ยวที่วัด จะช่วยทำให้ความโกรธลดลงได้    

“สิ่งที่ไม่ควรทำขณะที่รู้สึกว่าตนเองโกรธจนควบคุมตัวเองได้ยาก ได้แก่ 1. ไม่ควรโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบายอารมณ์ขณะยังมีความโกรธรุนแรง เพราะจะทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจ ขาดสติเผลอตัวเขียนระบายอารมณ์ในสิ่งที่ไม่สมควรและต้องมานึกเสียใจภายหลังที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว 2.ห้ามขับรถ เพราะอารมณ์โกรธจะทำให้เราหุนหันพลันแล่น ขาดสติ 3.ไม่ระบายอารมณ์ด้วยการดื่มเหล้า 4.หลีกเลี่ยงการทะเลาะเพราะจะลุกลามใหญ่โตได้ง่ายเนื่องจากการควบคุมตนเองไม่ได้5.ห้ามคิดหมกมุ่นอยู่กับคนหรือเรื่องที่ทำให้โกรธ เนื่องจากจะทำให้ความรู้สึกโกรธเพิ่มมากขึ้นและอาจทำให้เกิดความรุนแรงได้” ดร.สุดากล่าว  .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

เดินทางปีใหม่สายเอเชีย

ถนนสายเอเชียมุ่งสู่ภาคเหนือรถเริ่มมาก

ประชาชน เริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา และไปท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปี 2567 รับปีใหม่ 2568 การจราจรถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้นภาคเหนือ ช่วงชัยนาท รถเริ่มมาก

ฉายาตำรวจปี67

เปิด 10 ฉายาตำรวจ ปี 67

สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมฯ เปิด 10 ฉายา ตำรวจ “บิ๊กต่าย” ฉายา “กัปตันเรือกู้” จากภารกิจร้อนในการกอบกู้วิกฤติศรัทธา-ภาพลักษณ์องศ์กร “สารวัตรแจ๊ะ” ได้ฉายา “อย่าเล่นกับระบบ แจ๊ะ”

นายกฯ เปิดนิทรรศการกล่องของขวัญปีใหม่68 จากตำรวจ

“แพทองธาร” นายกฯ เปิดนิทรรศการกล่องของขวัญจากตำรวจ มอบให้ประชาชน 4 โครงการ ช่วงปีใหม่ 2568 ทั้งที่พักฟรี-ราคาถูก ชวนโหลดแอปฯ Cyber Check ตรวจสอบป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง