ไทย-เมียนมา หารือแก้ปัญหายาเสพติด

ป.ป.ส. 21 พ.ค..-ไทย-เมียนมา หารือความร่วมมือป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งเมียนมาพร้อมเร่งเจรจาสันติภาพกับชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ให้เสร็จสิ้น เชื่อทำให้การแก้ปัญหาสำเร็จโดยเร็ว 


พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยคณะผู้แทนไทย ได้หารือข้อราชการกับ พลโท จ่อ ส่วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ณ ห้องรับรองของกระทรวงมหาดไทย กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา


รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลเมียนมาที่ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันมาโดยตลอด และได้ย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันของนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเมียนมาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ขอให้ฝ่ายเมียนมามุ่งเน้นการดำเนินการต่อพื้นที่แหล่งผลิตยาเสพติดและสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ไม่ให้เข้าสู่แหล่งผลิตบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำตามแผนปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ และแผนปฏิบัติการโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย


นอกจากนี้ ยังได้ผลักดันให้ฝ่ายเมียนมาพิจารณาสนับสนุนแผนความร่วมมือปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นแผนที่มีความครอบคลุมการทำงานทุกมิติและรอบด้าน เน้นการยกระดับความร่วมมือในมาตรการต่างๆ ไม่เฉพาะด้านการปราบปราม แต่ยังรวมถึงการบำบัดรักษาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด การป้องกันยาเสพติด และการพัฒนาทางเลือกให้เกิดผลจริงในทางปฏิบัติ โดยรัฐบาลไทยได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงานในทุกกรอบและกลไกความร่วมมือฯ ตามที่กล่าวมา ตลอดจนกรอบการประชุมทวิภาคี สำนักงานประสานงานปราบปรามยาเสพติดชายแดน (BLO) และหมู่บ้านคู่ขนานชายแดน โดยยินดีสนับสนุนงบประมาณและการพัฒนาทรัพยากร ให้กับหน่วยควบคุมยาเสพติดของเมียนมาที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้เห็นชอบร่วมกันตามที่ฝ่ายเมียนมาเสนอ ให้มีการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงในทุกด้าน ไม่เฉพาะด้านยาเสพติด แต่รวมถึงปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา รวมถึงการพิจารณาริเริ่มให้มีการจัดประชุมในระดับรัฐมนตรีและระดับรัฐมนตรีช่วยระหว่างกันในเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นประจำ รวมถึงการจัดการประชุมว่าด้วยเรื่องการควบคุมเคมีภัณฑ์ระหว่าง 4 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย เมียนมา ลาว และจีน เพื่อร่วมกันหามาตรการสกัดกั้นเคมีภัณฑ์เข้าสู่แหล่งผลิต

ทั้งนี้ ฝ่ายเมียนมาได้ยืนยันจะเร่งเจรจาสันติภาพกับชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ให้เสร็จสิ้น ซึ่งเชื่อว่าจะส่งเสริมให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดระหว่างกันสำเร็จได้โดยเร็ว นอกจากนั้น ฝ่ายเมียนมาได้แสดงความขอบคุณถึงความตั้งใจจริงของรัฐบาลไทยที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน และยินดีที่จะให้การสนับสนุนต่อข้อเสนอและการริเริ่มของฝ่ายไทยอย่างเต็มที่ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน ลดผลกระทบที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากยาเสพติดร่วมกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง