กระบี่ 18 พ.ค.-ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล เผยภาพปะการังอ่าวมาหยาเสียหายหนักเนื้อที่ 29 ไร่ ก่อนจะปิดอ่าวในเดือนมิ.ย.นี้ ขณะที่ผู้ประกอบการเห็นด้วย ปิดอ่าวมาหยา เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ
วันที่ 18 พ.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จังหวัดตรัง สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สภาพปะการังใต้น้ำที่บันทึกได้บริเวณอ่าวมาหยา เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ก่อนที่จะมีการประกาศปิดเป็นเวลา4เดือน กำหนด 4 เดือนตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2561 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2561 นี้ พบว่าสภาพของแนวปะการังอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก พบร่องรอยความเสียหายการแตกหักของปะการัง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ไม่ได้รับการควบคุม จนเกินขีดความสามารถการรองรับของพื้นที่ จากการสำรวจยังพบชนิดปะการังชนิดเด่นบริเวณแนวปะการังน้ำตื้นจำนวน 4 ชนิด ได้แก่ ปะการังโขด ปะการังช่องเหลี่ยม ปะการังผิดเกล็ดน้ำแข็ง และปะการังสมองร่องยาว เสียหายอย่างหนัก
ทั้งนี้ ลักษณะรูปแบบปะการังบริเวณอ่าวมาหยาเป็นแนวปะการังน้ำตื้น (Reef flat) ตั้งแต่ชายหาดไปจนถึงแนวสัน ระยะทาง 230 เมตร คิดเป็นพื้นที่แนวปะการังประมาณ 47,074ตารางเมตร หรือประมาณ 29 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมดบริเวณอ่าวมาหยา 93,779 ตารางเมตร หรือประมาณ 59 ไร่ แนวปะการังบริเวณน้ำตื้น (Reef flat) ได้รับความเสียหายเนื่องจากการเข้าและออกของเรือที่นำนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมอ่าวมาหยาในแต่ละวัน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อปะการัง โดยการทิ้งสมอและใบพัดเรือที่พัดตะกอนทรายให้ตกทับถมบนก้อนปะการัง สภาพปะการังในบริเวณอ่าวมาหยาจึงเกิดความเสื่อมโทรมอย่างเห็นได้ชัด ส่วนบริเวณแนวสัน (Reef edge) มักใช้เป็นจุดจอดเรือและยังพบการทิ้งสมอลงบนปะการังอยู่บ้าง แต่ด้วยปัจจัยของความลึกทำให้ได้รับผลกระทบน้อยกว่าแนวปะการังน้ำตื้น
ขณะที่นายวุฒิศักดิ์ ทองเกิด ประธานกลุ่มพิทักษ์พีพี และเป็นผู้ประกอบการนำเที่ยวที่เกาะพีพี กล่าวว่าชาวเกาะพีพี เห็นด้วยให้มีการปิดอ่าวมาหยา เพื่อการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะปะการังที่เสียหายจากการท่องเที่ยว แต่ที่ผ่านมาได้เคยแย้งไปให้สามารถเข้าทางด้านหลังของอ่าวโล๊ะซามะ แต่เมื่อมีการปิดห้ามเข้าก็ยอมรับ แต่ที่ผ่านมา ต้องยอมรับก่อนว่า อ่าวมาหยานั้น มีเรือนำเที่ยว ส่วนใหญ่ มาจากพื้นที่อื่น เช่น ภูเก็ต พังงา และตัวเมืองกระบี่ ซึ่งชาวเกาะพีพี ไม่ได้ประโยชน์อะไร และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรม เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย