รัฐสภา 18 พ.ค.- เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สั่งรองเลขาฯ เร่งทบทวนงบไอทีสภา 1 สัปดาห์ ก่อนปรึกษาสำนักงบประมาณและนำเสนอกลับเข้า ครม. ยอมถอยไม่เอานาฬิกา และไมค์สเปคสูงราคาแพง ย้ำต้องเร่งของบทำระบบไอทีก่อนชิโน-ไทยปิดฝ้า และต้องทำระบบให้เสร็จพร้อมใช้เบื้องต้นปลายปีนี้ มั่นใจเสร็จทันส.ส.ชุดใหม่เข้าใช้
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แถลงกรณีที่คณะรัฐมนตรีไม่อนุมัติงบประมาณ จำนวจ 8,135.56 ล้านบาท ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอขอในส่วนงานของระบบสาธารณูปโภค ไฟรอบอาคาร เครื่องปรับอากาศและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยให้กลับไปทำรายละเอียดให้ชัดเจนว่า พร้อมรับฟังความเห็นจากคณะรัฐมนตรี และไม่ดื้อ จะนำงบประมาณการติดตั้งระบบไอทีและสาธารณูปโภคมาปรับปรุง ก่อนที่จะออกแบบได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งพิจารณาตามความต้องการของสมาชิก และระบบสารสนเทศ มีการสืบราคามาหลายสถานที่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิก และเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อมีการท้วงติงว่าราคาสูง ก็ยินดีที่จะปรับลด ทบทวน และไม่เอานาฬิกาและทีวีตามสเปคที่กำหนดมา
เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า มอบหมายให้นายสุชาติ โรจน์ทองคำ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาทบทวนปรับลดรายละเอียด และยังสามารถตอบภารกิจได้ ซึ่งน่าจะสรุปได้ภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นจะได้ปรึกษาสำนักงบประมาณและส่งกลับไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร่งด่วน เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อย้ายข้าราชการ ออกจากอาคารรัฐสภาปัจจุบัน ไปอยู่ที่อาคารรัฐสภาใหม่ ที่เกียกกาย หากย้ายไปอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราว จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมาอีกมหาศาล
“เมื่อนาฬิกาแพง ทีวีแพง ผมก็ไม่เอา ผมยินดีที่จะปรับลดทบทวนทุกเรื่องเพื่อให้ลดงบประมาณลงมาตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้ อาจจะกลับมายุค HD แอนะล็อก ตามที่จะไปได้ เพราะวาดฝันว่าห้องประชุมจะไม่มีสายไฟ เผื่อไฟรั่ว สมาชิกตายจะว่าอย่างไร แต่หากจำเป็นต้องใช้แบบนี้ ก็ต้องไป เรื่องไอซีที ถ้าลดได้ ก็ต้องลด ทำงานในกรอบที่สามารถจะทำได้” เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าว
นายสรศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นกังวลในขณะนี้คือ ปัญหาที่จะต้องเร่งนำระบบไอทีเข้าไปก่อนที่ทางบริษัทชิโน-ไทยฯ จะปิดฝ้าเพดาน ซึ่งครบกำหนดมา 2 เดือนแล้ว และทางบริษัทแจ้งว่าจะขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งได้ประสานและขอร้องเป็นการภายใน เพราะหากปิดฝ้าแล้วจะต้องรื้อ ซึ่งทางบริษัทจะไม่ยอมให้รื้อ เนื่องจากบริษัทชิโน-ไทย จะต้องเร่งก่อสร้างในส่วนของโครงสร้างต่าง ๆ ให้เสร็จตามกำหนดเวลา ซึ่งยืนยันว่าห้องประชุมบางส่วน จะเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และห้องสุริยันต์จะเสร็จในเดือนมีนาคม 2562 เพื่อให้ทันการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์2562 ให้ได้
ด้านนายสุชาติ กล่าวว่า งบประมาณที่สูงเพราะตั้งงบประมาณ 2 สำนักงานทั้งสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา และเมื่อก่อสร้างไปแล้วมีบางส่วนที่ต้องทำให้อาคารสมบูรณ์จึงเพิ่มเติมงบประมาณลงไป และตามแผนการจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2562 แต่มีความจำเป็นว่าจะต้องย้ายไปใช้อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ปลายปีนี้ จึงต้องขยับแผนงานทั้งหมด ทำให้กระทบกับการบริหารงานไอซีทีที่เคยวางแผนไว้ในระยะยาว ซึ่งเรื่องเวลาสามารถแก้ปัญหาได้ แต่เรื่องงบประมาณอยู่นอกเหนือการควบคุม
รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จะต้องดูภาพรวมของงบประมาณทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า แม้จะต้องปรับลดงบประมาณลง แต่ภารกิจจะต้องยังคงอยู่ครบถ้วน เรื่องราคาต้องเปรียบเทียบกับตลาดและตอบสังคมได้ ซึ่งต้องขอเวลาตรวจสอบเปรียบเทียบราคาก่อน และต้องระมัดระวังเรื่องคุณภาพของวัสดุที่ต้องสามารถใช้งานได้ตามภารกิจและระยะเวลา
“ยอมรับว่านาฬิกาที่ซื้อสมัยนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาฯ ที่ถูกตั้งกรรมการสอบเรื่องการทุจริตมีลักษณะภายนอกคล้ายกัน แต่ผิดในเรื่องของลักษณะการประมูล จึงมีปัญหา บริษัทที่เสนอขายไม่มีคุณสมบัติในการจำหน่าย แต่กรณีนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ เป็นเพียงการของบประมาณ ซึ่งยืนยันว่าการจัดซื้อจัดจ้างต้องเป็นไปตามระเบียบ” นายสุชาติ กล่าว
นายพรเทพ ฤทัยเจริญลาภ ผู้จัดการโครงการออกแบบระบบไอซีที (บริษัท เมอร์ลินส์ โซลูชั่นส์ อินเตอร์แนชั่นนัล จำกัด) ชี้แจงระบบนาฬิกาที่ราคาแพงว่า เป็นระบบดิจิทัล รับสัญญาณดาวเทียมและกระจายให้นาฬิกาทุกเรือนเพื่อให้เวลาตรงกัน รวมถึงอุปกรณ์คอมทั้งหมดจะใช้ระยะเวลาเดียวกัน จะทำให้เวลาที่ใช้ในรัฐสภาเป็นเวลาเดียวกัน เพราะเรื่องเวลาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการเปิดโหวตปิดโหวต ขณะที่ไมโครโฟน เสียงคมชัด แสดงตัวตนว่าใครใช้ไมค์ ถือเป็นการแสดงตัวตน ป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน ส่วนทีวีที่แพง เพราะบางครั้งการประชุมต่อเนื่องอาจจะข้ามวัน จึงจำเป็นต้องเลือกทีวีที่มีสเปคสูง คงทน สีไม่เพี้ยน และก่อนที่จะกำหนดงบประมาณ ได้มีการสอบถามราคาตลาดก่อน
นายโชติจุฑา อาจสอน กรรมการบริหารที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้มีกรอบเวลาที่จะต้องเร่งรัดงานจากอู่ทองในไปยังที่ใหม่ภายในสิ้นปี ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 7 เดือน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งรัดให้ได้งบประมาณเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนงาน
นางพรรษมนต์ ไทยวัฒนานุกูล รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันของบประมาณตามความจำเป็นและเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่ได้ออกแบบไว้ เดิมออกแบบไว้ไม่ครบถ้วน จึงจำเป็นต้องทำให้ครบ บูรณาการระบบข้อมูลของสองสำนักงาน จึงต้องจัดทำและปรับปรุงฐานข้อมูล ยืนยันว่าเมื่อได้งบประมาณมาก็ดำเนินการตามกฎหมาย มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่มีการทุจริต.-สำนักข่าวไทย