ทำเนียบฯ 16 พ.ค.-นายกฯ ให้การต้อนรับผู้อำนวยการเวิลด์แบงก์ ย้ำรัฐบาลตั้งใจปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศและภูมิภาคให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน ขณะที่ผู้อำนวยการเวิล์ดแบงก์ ชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายอูลริค ซาเกา (Ulrich Zachau) ผู้อำนวยการธนาคารโลก (World Bank) ประจำประเทศไทย มาเลเซีย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และคณะวิจัยการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบปะกับผู้อำนวยการเวิลด์แบงก์ อีกครั้ง ซึ่งไทยกับธนาคารโลกมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดมากว่า 70 ปี ครอบคลุมความร่วมมือในหลายด้าน อาทิ การลงทุน การศึกษา การพัฒนาระบบราชการ แรงงาน และการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งการหารือเมื่อปีที่ผ่านมา ธนาคารโลกได้ให้ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาของการดำเนินธุรกิจในไทย แม้ปัจจุบันไทยมีนโยบายประเทศไทย 4.0 เพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม แต่ไทยยังคงเป็นประเทศเกษตรกรรมและยังคงมีปัญหาเรื่องการกระจายรายได้ จึงหวังว่าธนาคารโลกจะเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกันกับรัฐบาล
“นายกรัฐมนตรียังกล่าวต่อไปว่า แม้อันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยจะดีขึ้น แต่รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้มีความสะดวก ภายใต้ความร่วมมือกับธนาคารโลกต่อไป เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศและภูมิภาคให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน” พล.ท.วีรชน กล่าว
พล.ท.วีรชน กล่าวด้วยว่า ในโอกาสนี้ ผู้อำนวยการเวิลด์แบงก์ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ธนาคารโลกเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของไทย พร้อมชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้เห็นถึงการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงและปฏิรูปงานบริการของภาครัฐให้เอื้อต่อการลงทุนและการดำเนินธุรกิจในไทยอย่างชัดเจน เป็นผลให้อันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของไทยประจำปี 2561 อยู่อันดับที่ 26 ซึ่งดีขึ้น จากเดิมเมื่อปี 2560 อยู่อันดับที่ 46
“ผู้อำนวยการเวิลด์แบงก์ยังชื่นชมการดำเนินการของนายกรัฐมนตรี และความมุ่งมั่นของรัฐบาล ในการปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและดำเนินนโยบายที่จะช่วยให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทย อาทิ การปรับปรุงกฎหมายให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ การวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน การดำเนินนโยบายประเทศไทย 4.0 โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ไทยเกิดการพัฒนาอย่างก้าวหน้าต่อไปได้” พล.ท.วีรชน กล่าว.-สำนักข่าวไทย