ร.ร.อินเตอร์คอน ฯ 28 ก.ย. – ทีเส็บจับมือ UNWTO จัดงานประชุมไมซ์แห่งประชาคมอาเซียน ชูแผนขับเคลื่อนไมซ์ตามยุทธศาสตร์อาเซียน 10 ปี คาดปีนี้ธุรกิจไมซ์สร้างรายได้กว่า 2,000 ล้านบาท
นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดงาน ASEAN Conference on MICE in collaboration with UNWTO หรือการประชุมธุรกิจไมซ์อาเซียน โดยความร่วมมือกับองค์กรการท่องเที่ยวโลกว่า การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ดำเนินการภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียนระยะ 10 ปี (พ.ศ.2559 – 2568) โดยเวทีนี้จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยและภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน ก่อให้เกิดความร่วมมือระดับภูมิภาค และการประสานงานเชิงนโยบายในการส่งเสริมธุรกิจไมซ์ของอาเซียน โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานในภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับความต้องการของนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากทั่วโลกให้มาจัดงานไมซ์ในภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางไมซ์แห่งอาเซียน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจไมซ์จากอาเซียนเข้าร่วมกว่า 270 ราย
นายนพรัตน์ กล่าวว่า คาดปี 2559 จะมีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์เข้ามาในประเทศไทยประมาณ 1.3 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยกว่า 2,000 ล้านบาท โดยภายในปี 2561 คาดว่า ภูมิภาคอาเซียนจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 119 ล้านคน และในจำนวนนี้คาดว่าจะมีนักเดินทางจากอุตสาหกรรมไมซ์มาสู่ภูมิภาคอาเซียนประมาณ 12 ล้านคน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียน 10 ปี (พ.ศ. 2559-2568) ที่ตั้งเป้าให้ภูมิภาคอาเซียนเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวและการจัดงานไมซ์ที่มีคุณภาพ โดยจะขับเคลื่อน 2 แนวทาง ได้แก่ 1.การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางเดียวกัน ด้วยการทำการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด เพื่อดึงดูดการลงทุน เพิ่มความสามารถของบุคลากร พร้อมยกระดับมาตรฐานการจัดงานไมซ์ให้มีคุณภาพและมีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย และ 2.สร้างความมั่นใจการจัดงานไมซ์ในอาเซียนเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมทุกมิติ ด้วยการเพิ่มมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของภาครัฐและภาคเอกชนในห่วงโซ่อุปทานด้านไมซ์ พร้อมทั้งยกระดับความปลอดภัย ตลอดจนให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาสถานที่ที่มีความสำคัญทางธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมทั้งช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม.-สำนักข่าวไทย