ไทย-อังกฤษเตรียมขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน

ร.ร. พลาซ่าแอทธินี 10 พ.ค. –  เอกชนไทย – อังกฤษ ขยายความร่วมมือเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนสองประเทศ รมว.พาณิชย์ เผย เตรียม จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน ก่อนเจรจา FTA สองประเทศ


สมาชิกสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร ประกอบด้วย ภาคเอกชนไทย 12 องค์กร นำโดย นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานฝ่ายไทย และ ภาคเอกชนสหราชอาณาจักร 11 องค์กร นำโดย นายไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ร่วมประชุมเพื่อรับฟังความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะทำงานทั้งสามด้านภายใต้สภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร  ได้แก่ 1) คณะทำงานความร่วมมือด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และโอกาสในการลงทุน   2) คณะทำงานด้านการอำนวยความสะดวกต่อการดำเนินธุรกิจ 3) คณะทำงานด้านโอกาสในการส่งออกและห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง โดยร่วมกันพิจารณาแนวทางในอนาคตพร้อมการปรับปรุงกรอบการทำงานของสภาฯอีกทั้งได้ร่วมหารือเพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานเพื่อเตรียมพร้อมเสนอรัฐบาลพิจารณาการทำข้อตกลงการค้าเสรี หลังจากที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกภาพของสหภาพยุโรปสำเร็จ


นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานฝ่ายไทย เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและผู้นำธุรกิจของทั้งสองประเทศ โดยมีความพยายามที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และอุปสรรคต่างๆ ที่รัฐบาลทั้งสองประเทศจำเป็นต้องก้าวข้ามเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างกัน นับแต่การลงนามในแถลงการณ์ร่วมจัดตั้งสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 กลุ่มผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นผ่านมุมมองของผู้ค้าและนักลงทุนแก่รัฐบาลไทยและสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างโอกาสที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจชั้นนำของไทยและสหราชอาณาจักรจะรายงานความก้าวหน้าและประเด็นสำคัญจากการประชุมให้กับรัฐบาลแต่ละประเทศเพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบ หรือแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำธุรกิจระหว่างกัน เพื่อที่จะผลักดันธุรกิจการค้าและการลงทุน 

นายเทวินทร์ กล่าวว่า ประเด็นส่วนใหญ่ที่ได้รับการหยิบยกให้การประชุมครั้งก่อนได้รับการแก้ไขและรายงานให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบและรัฐบาลทั้งสองประเทศ เช่น ประเด็นการพัฒนาแรงงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ และยังมีอีกหลายประเด็นที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่

1. ความร่วมมือทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น Digitization ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เมืองอัจฉริยะ (Smart City) วัสดุขั้นสูง (Advanced materials) เป็นต้น ซึ่งจะเป็นหัวข้อความร่วมมือที่สามารถใช้ในผลักดันร่วมกับภาคอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักร


2. ความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ ผ่านความสามารถทางกลุ่มธุรกิจไทยที่เกี่ยวข้องกับแรงงานและการบริการ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างโอกาสทางธุรกิจในด้านอาหาร และประกันสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบสำหรับผู้สูงอายุ กลุ่มบริษัททางฝั่งสหราชอาณาจักรสามารถร่วมให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี หรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการรักษาทางการแพทย์

3. เตรียมความพร้อมด้านข้อมูลจากมุมมองของฝั่งธุรกิจสำหรับสนับสนุนการทำข้อตกลงการค้าเสรีในอนาคตระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กว่าวว่า สหราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับไทย โดยได้จัดเตรียมตั้งคณะทำงานระหว่างประเทศไทยและสหราชอาณาจักร เพื่อนำไปสู่การเจรจาทำความตกลงทางการค้าของ 2 ประเทศ หรือ FTA โดย ที่คาดว่าขะสามารถจัดตั้งคณะกรรมการได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเห็นความสำคัญของไทยในฐานะศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค จึงต้องการกระชับความสัมพันธ์ด้วย ขณะที่ไทยย้ำว่า สหราชอาณาจักรเป็นตลาดหลักในทวีปยุโรปและเป็นคู่ค้าที่สำคัญ โดยมีแนวโน้มการลงทุนของไทยใน สหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น และต้องการเชิญชวนให้สหราชอาณาจักรขยายการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่สหราชอาณาจักรเชี่ยวชาญ เช่น นวัตกรรมเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และอากาศยาน  ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นว่าเวทีสภาผู้นำนักธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (Thai-UK Business Leadership Council) จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับ 18 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยในสหภาพยุโรป โดยในปี 2560 มีมูลค่าการค้ารวม 7,019 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 19.7 การส่งออกมีมูลค่า 4,079.21 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้เเก่ รถยนต์เเละอุปกรณ์ ไก่แปรรูป รถจักรยานยนต์เเละส่วนประกอบ อากาศยาน อัญมณีเเละเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เเละการนำเข้ามีมูลค่า 2,940.69 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้เเก่ เครื่องจักรกลเเละส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้าน้ำมันดิบ เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เวชกรรมเเละเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ และในปี 2560 ไทยไปลงทุนในสหราชอาณาจักรมูลค่าประมาณ 3,770 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่สหราชอาณาจักรมีการมาลงทุนในไทยมูลค่าประมาณ 990 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ ไทยตอบรับความต้องการจากกลุ่มผู้นำทางธุรกิจจากประเทศสหราชอาณาจักร ทั้งการที่รัฐบาลไทยมีความพยายามปรับปรุงกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวของประเทศ ให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ รวมถึงการให้แรงจูงใจกับนักลงทุนต่างประเทศในการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาลไทย ขณะเดียวกันประเทศไทยกำลังมองหาโอกาสในการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ร่วมกับสหราชอาณาจักร ซึ่งสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรก็จะเป็นกลไกที่สำคัญในการให้ข้อมูลจากมุมมองฝั่งธุรกิจของทั้งสองประเทศ

นายไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย กล่าวว่า สภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน รวมทั้งเป็นตัวช่วยในการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]