ร.ร. พลาซ่าแอทธินี 10 พ.ค. – เอกชนไทย – อังกฤษ ขยายความร่วมมือเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนสองประเทศ รมว.พาณิชย์ เผย เตรียม จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน ก่อนเจรจา FTA สองประเทศ
สมาชิกสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร ประกอบด้วย ภาคเอกชนไทย 12 องค์กร นำโดย นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานฝ่ายไทย และ ภาคเอกชนสหราชอาณาจักร 11 องค์กร นำโดย นายไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ร่วมประชุมเพื่อรับฟังความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะทำงานทั้งสามด้านภายใต้สภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร ได้แก่ 1) คณะทำงานความร่วมมือด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และโอกาสในการลงทุน 2) คณะทำงานด้านการอำนวยความสะดวกต่อการดำเนินธุรกิจ 3) คณะทำงานด้านโอกาสในการส่งออกและห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง โดยร่วมกันพิจารณาแนวทางในอนาคตพร้อมการปรับปรุงกรอบการทำงานของสภาฯอีกทั้งได้ร่วมหารือเพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานเพื่อเตรียมพร้อมเสนอรัฐบาลพิจารณาการทำข้อตกลงการค้าเสรี หลังจากที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกภาพของสหภาพยุโรปสำเร็จ
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานฝ่ายไทย เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและผู้นำธุรกิจของทั้งสองประเทศ โดยมีความพยายามที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และอุปสรรคต่างๆ ที่รัฐบาลทั้งสองประเทศจำเป็นต้องก้าวข้ามเพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างกัน นับแต่การลงนามในแถลงการณ์ร่วมจัดตั้งสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 กลุ่มผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นผ่านมุมมองของผู้ค้าและนักลงทุนแก่รัฐบาลไทยและสหราชอาณาจักร เพื่อสร้างโอกาสที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจชั้นนำของไทยและสหราชอาณาจักรจะรายงานความก้าวหน้าและประเด็นสำคัญจากการประชุมให้กับรัฐบาลแต่ละประเทศเพื่อพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบ หรือแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการทำธุรกิจระหว่างกัน เพื่อที่จะผลักดันธุรกิจการค้าและการลงทุน
นายเทวินทร์ กล่าวว่า ประเด็นส่วนใหญ่ที่ได้รับการหยิบยกให้การประชุมครั้งก่อนได้รับการแก้ไขและรายงานให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบและรัฐบาลทั้งสองประเทศ เช่น ประเด็นการพัฒนาแรงงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ และยังมีอีกหลายประเด็นที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ได้แก่
1. ความร่วมมือทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น Digitization ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เมืองอัจฉริยะ (Smart City) วัสดุขั้นสูง (Advanced materials) เป็นต้น ซึ่งจะเป็นหัวข้อความร่วมมือที่สามารถใช้ในผลักดันร่วมกับภาคอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักร
2. ความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุ ผ่านความสามารถทางกลุ่มธุรกิจไทยที่เกี่ยวข้องกับแรงงานและการบริการ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างโอกาสทางธุรกิจในด้านอาหาร และประกันสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบสำหรับผู้สูงอายุ กลุ่มบริษัททางฝั่งสหราชอาณาจักรสามารถร่วมให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี หรือการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการรักษาทางการแพทย์
3. เตรียมความพร้อมด้านข้อมูลจากมุมมองของฝั่งธุรกิจสำหรับสนับสนุนการทำข้อตกลงการค้าเสรีในอนาคตระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กว่าวว่า สหราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับไทย โดยได้จัดเตรียมตั้งคณะทำงานระหว่างประเทศไทยและสหราชอาณาจักร เพื่อนำไปสู่การเจรจาทำความตกลงทางการค้าของ 2 ประเทศ หรือ FTA โดย ที่คาดว่าขะสามารถจัดตั้งคณะกรรมการได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเห็นความสำคัญของไทยในฐานะศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค จึงต้องการกระชับความสัมพันธ์ด้วย ขณะที่ไทยย้ำว่า สหราชอาณาจักรเป็นตลาดหลักในทวีปยุโรปและเป็นคู่ค้าที่สำคัญ โดยมีแนวโน้มการลงทุนของไทยใน สหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น และต้องการเชิญชวนให้สหราชอาณาจักรขยายการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่สหราชอาณาจักรเชี่ยวชาญ เช่น นวัตกรรมเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และอากาศยาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นว่าเวทีสภาผู้นำนักธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร (Thai-UK Business Leadership Council) จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าอันดับ 18 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยในสหภาพยุโรป โดยในปี 2560 มีมูลค่าการค้ารวม 7,019 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 19.7 การส่งออกมีมูลค่า 4,079.21 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้เเก่ รถยนต์เเละอุปกรณ์ ไก่แปรรูป รถจักรยานยนต์เเละส่วนประกอบ อากาศยาน อัญมณีเเละเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เเละการนำเข้ามีมูลค่า 2,940.69 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้เเก่ เครื่องจักรกลเเละส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้าน้ำมันดิบ เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เวชกรรมเเละเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ และในปี 2560 ไทยไปลงทุนในสหราชอาณาจักรมูลค่าประมาณ 3,770 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่สหราชอาณาจักรมีการมาลงทุนในไทยมูลค่าประมาณ 990 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้ ไทยตอบรับความต้องการจากกลุ่มผู้นำทางธุรกิจจากประเทศสหราชอาณาจักร ทั้งการที่รัฐบาลไทยมีความพยายามปรับปรุงกฎหมายประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวของประเทศ ให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ รวมถึงการให้แรงจูงใจกับนักลงทุนต่างประเทศในการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาลไทย ขณะเดียวกันประเทศไทยกำลังมองหาโอกาสในการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ร่วมกับสหราชอาณาจักร ซึ่งสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรก็จะเป็นกลไกที่สำคัญในการให้ข้อมูลจากมุมมองฝั่งธุรกิจของทั้งสองประเทศ
นายไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย กล่าวว่า สภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน รวมทั้งเป็นตัวช่วยในการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ . – สำนักข่าวไทย