“สมคิด” มั่นใจจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 4

เมืองทองธานี  10 พ.ค. – “สมคิด” มั่นใจจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 4 พร้อมปลุกคนไทยตื่นตัวใช้ดิจิทัล ด้านแบงก์แข่งเงินกู้ร้อยละ 0 ทุ่มเงินฝากร้อยละ 4 งาน มันนี่เอ็กซ์โป ครั้งที่ 18


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานมหกรรมการเงิน ครั้งที่ 18 หรือ MONEY EXPO 2018 ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าโตร้อยละ  4 โดยดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้นทุกตัว ทั้งการบริโภค การลงทุน รวมทั้งดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันนานาชาติให้การยอมรับประเทศไทย โดยที่ผ่านมามีผู้นำของหลายชาติเข้าพบปะหารือตลอด เรียกได้ว่าหัวบันไดไม่แห้ง ดังนั้นโอกาสกำลังเป็นของประเทศไทย หากทุกคนรวมพลังจะสามารถเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศได้

นายสมคิด กล่าวว่า สิ่งที่กังวลมากที่สุด คือ เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล เนื่องจากที่ผ่านมา 2 ปีรัฐบาลได้เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อการก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 แต่พบว่าประชาชนยังติดอยู่กับระบบอนาล็อก ดังนั้น หากไม่มีการเปลี่ยนตามจะลำบาก เพราะคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าโลกกำลังจะเลิกใช้เงินสดเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น ประชาชนต้องปรับตัวใช้ดิจิทัล โดยเฉพาะการเงินดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันสถาบันการเงินไทยใช้เทคโนโลยียุคใหม่เข้ามา เช่น เทคโนโลยีเอไอ บล็อกเชน บริการพร้อมเพย์ และ QR Code ซึ่งการเงินดิจิทัลมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจที่แท้จริง


นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์  ประธานจัดงาน เปิดเผยว่า มหกรรมการเงินครั้งที่ 18 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคมนี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพคเมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด ” Wealth Transformation มิติใหม่แห่งความมั่งคั่ง” ปีนี้สถาบันการเงินแข่งปล่อยกู้สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยร้อยละ  0 นาน 1 ปี , สินเชื่อบ้านผู้สูงอายุดอกเบี้ยร้อยละ  0 นาน 2 ปี , เงินฝากอัตราดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ  4 ต่อปี , เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษสูงอายุ 24 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.875 , เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ สำหรับผู้สูงวัย 105 วัน ดอกเบี้ยสูงสุดร้อยละ  9 ต่อปี ยกเว้นภาษี, บัญชีเงินฝากประจำพิเศษสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ประจำ 6 เดือน ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ขั้นต่ำ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ, สินเชื่อเอสเอ็มอีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี , ผ่อนรถจักรยานยนต์ ผ่อนทองผ่อนมือถือ อัตราดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 0 ต่อปี

สำหรับไฮไลท์ที่น่าสนใจภายในงาน สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะโชว์นวัตกรรมทางการเงินที่ล้ำสมัยในยุคดิจิทัล เช่น ธนาคารกสิกรไทยนำเสนอ K PLUS Beacon แอพพลิเคชั่นที่ชนะรางวัลระดับโลกสุดยอดนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโลกผู้บกพร่องทางการมองเห็นและผู้สูงอายุให้สามารถทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างมั่นใจ  รวมทั้งนวัตกรรมบ้านและเครื่องใช้ในบ้านสำหรับผู้สูงอายุ เช่น จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ โครงการที่พักอาศัยรูปแบบใหม่เพื่อผู้สูงอายุ 

สำหรับงาน MONEY EXPO 17 ปีที่ผ่านมาสร้างยอดธุรกรรมกว่า 1.8 ล้านล้านบาท จากผู้เข้าชมงานกว่า 15 ล้านคน โดยในปีที่ผ่านมามียอดธุรกรรมรวมกว่า 116,300 ล้านบาท. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ