จับญี่ปุ่นขนอาวุธสงครามขึ้นเครื่องไม่ใช่อาชญากรข้ามชาติ

กรุงเทพฯ 9 พ.ค.- รองโฆษก ตร.แจง อาวุธสงครามที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นนำขึ้นเครื่องบิน ทั้งหมดเป็นของเก่าใช้การไม่ได้ ซื้อเพื่อสะสม ยันไม่ใช่อาชญากรข้ามชาติ 


พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจับกุมชาวต่างชาติ ลักลอบขนอาวุธเครื่องยุทธภัณฑ์ขึ้นเครื่องบิน ว่าวันนี้ (9 พ.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวประจำท่าอากาศยานดอนเมือง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยาน จับกุมนายทาเครุ ฮิราโนะ (Takeru Hirano) นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น อายุ 27 ปี นำเครื่องยุทธภัณฑ์ขึ้นเครื่องบิน โดยประสงค์ที่จะเดินทางขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังประเทศญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบบริเวณจุดที่ทำการเช็คอินตรวจสัมภาระพบของกลาง ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (ไม่มีดินระเบิด) M18A1 (เคโม)จำนวน 1 ทุ่น และแม็กกาซีน ขนาดต่างๆ ไม่มีสปริง จำนวน 23 แม็ก ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าที่ไว้สำหรับโหลดใต้ท้องเครื่องบิน จึงแจ้งข้อกล่าวหา 1.มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.พายุทธภัณฑ์หรือวัตถุอันตรายซึ่งเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานหรือบุคคลไปกับอากาศยาน 3.นำเข้ายุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากปลัดกระทรวงกลาโหม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมืองดำเนินคดี 

จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่าผู้ต้องหาได้ซื้อของกลางทั้งหมดมาจาก Beh Thanh Market นครโฮจิมินท์ ประเทศเวียดนาม ในราคา 4,000 บาท เป็นลักษณะของเก่า โดยประสงค์ที่จะนำกลับไปสะสม จากการตรวจสอบพบว่าเคยเข้า-ออกประเทศไทย จำนวน 3 ครั้ง ไม่ใช่กลุ่มอาชญากรข้ามชาติและไม่มีประวัติการต้องโทษคดีอาญาแต่อย่างใด 


ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นยุทธภัณฑ์ของกลาง ทั้งหมดอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้การได้ โดยหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะนำของกลางทั้งหมดส่งกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบ และนำตัวผู้ต้องหายื่นคำร้องต่อศาลขอฝากขังผู้ต้องหาต่อไป

รองโฆษก ตร.ยังกล่าวต่ออีกว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันปราบปราม และติดตามจับกุมผู้ต้องหา ที่เข้ามากระทำความผิดและนำสิ่งของที่ผิดกฎหมายเข้า-ออกราชอาณาจักร โดยเฉพาะชาวต่างชาติ มาโดยตลอด อีกทั้งยังได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่บูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นในการเฝ้าระวังทางการข่าว จนสามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้ ในทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ รวมไปถึงนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกด้วย 

ท้ายนี้ขอฝากเตือนประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนที่นำพา มีไว้หรือครอบครองยุทธภัณฑ์นั้น แม้ว่าจะอยู่ในสภาพที่ใช้การไม่ได้ก็ตาม ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เพราะเป็นสิ่งของต้องห้ามตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย


  

         

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน

พระยันตระ

ปิดตำนาน “อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตในวัย 73 ปี ที่สหรัฐ

“อดีตพระยันตระ” เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 73 ปี ที่วัดในสหรัฐอเมริกา ปิดตำนานอดีตพระภิกษุที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดรูปหนึ่งของวงการสงฆ์ไทย

อดีตผู้บังคับบัญชา “ผู้กำกับโจ้” เผยสมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร

อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดประวัติอดีตผู้กำกับโจ้ สมัยเป็นลูกน้องไม่ใช่คนเกเร เชื่อได้รับผลกรรมที่ทำแล้ว

ข่าวแนะนำ

Exclusive! เปิดห้องขังแดน 5 “อดีต ผกก.โจ้”

กรมราชทัณฑ์ เปิดห้องขัง แดน 5 ของ “อดีต ผกก.โจ้” ให้สังคมได้เห็นสภาพความเป็นจริงอีกด้าน พบด้านในยังรักษาพื้นที่ และข้าวของเครื่องใช้ของอดีต ผกก.โจ้ เอาไว้ เผื่อเจ้าหน้าที่จะเข้ามาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน

รัฐบาลเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 1446 ขณะที่นายกรัฐมนตรี ร่วมส่งใจให้พี่น้องชาวมุสลิมตั้งจิตมุ่งมั่นปฏิบัติศาสนกิจถือศีลอด ในช่วงเวลาแห่งเดือนอันศักดิ์สิทธิ์

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท