ก.อุตฯ หารือภาคเอกชนสุรินทร์-บุรีรัมย์ ชงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครม.สัญจร

สุรินทร์-บุรีรัมย์  7 พ.ค. – รมว.อุตฯ-ปลัดอุตฯ ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์-บุรีรัมย์ หารือภาคเอกชน ชงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลและเอสเอ็มอี ดันธุรกิจคนตัวเล็กให้โตต่อเนื่อง


นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจราชการ ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2561 ณ จังหวัดสุรินทร์ และบุรีรัมย์  ส่วนราชการที่อยู่ในภูมิภาคได้จัดประชุมหารือกับเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 คือ จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา และชัยภูมิ ภายใต้แนวคิด “การสร้างรายได้ ขยายโอกาส เสริมเศรษฐกิจฐานราก” ซึ่งนอกจากจะเน้นช่วยแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจด้วยการรับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนไปพิจารณาดำเนินแล้ว ยังมีโครงการและสิ่งที่กระทรวงฯ จะเข้าไปช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของจังหวัดเพื่อจะได้เป็นการสร้างงานสร้างรายได้ที่มีความยั่งยืน รวมทั้งการเสนอมาตรการ กลไก เครื่องมือที่กระทรวงฯ มีในจังหวัด เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับทราบและมาใช้บริการเพิ่มขึ้น เช่น ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม ITC การพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ CIV การพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป และการสนับสนุนเงินทุนต่างๆ และมีหน่วยม้าเร็วของ Sme Devolopment Bank ซึ่งเข้าถึงชุมชน

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุรินทร์ มีข้อเสนอ 3 ข้อ คือ 1.การฟื้นฟูและพัฒนาเหมืองแร่ โดยนำเหมืองเก่าที่ได้เลิกกิจการแล้ว มาฟื้นฟูเป็นอ่างเก็บน้ำ พร้อมทั้งปรับปรุงทัศนียภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ หรือสุรินทร์โมเดล ในระยะแรกจะดำเนินการในพื้นที่ 27 ไร่ จุน้ำ 600,000 ลบ.ม. ซึ่งโครงการนี้จะเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ ในการช่วยกันพัฒนาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม 2.โครงการ Inland Container Depot (ICD) ใน จ.นครราชสีมา ที่กระทรวงฯ จะช่วยต่อยอดได้ เช่น พัฒนาเป็นเขตประกอบการโกดังการซ่อมตู้คอนเทนเนอร์และโครงการด้านโลจิสติกส์อุตสาหกรรม และ 3.โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอุปกรณ์ประดับยนต์ (motor Sport) ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพราะมีสนามแข่งรถมาตรฐานระดับโลก และมีการนำรถเข้ามาแข่งในพื้นที่จำนวนมาก ประกอบกับเอสเอ็มอีไทยมีความสามารถผลิตอุปกรณ์ประดับยนต์ส่งออกไปยังต่างประเทศหลายประเทศ โดยมีมูลค่าการผลิตกว่า 50,000 ล้านบาท นอกจากนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV มีการขยายตัวด้านยานยนต์ในกลุ่มประเทศดังกล่าว ผนวกกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย ทำให้อุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ เติบโตขึ้นตามไปด้วย และจ.บุรีรัมย์ ได้มองเห็นถึงโอกาสในการจัดตั้งนิคมฯ อุตสาหกรรมประดับตบแต่งยานยนต์ในลักษณะนิคมฯ ร่วมดำเนินการ ที่กระทรวงฯ พร้อมจะผลักดันต่อหากมีนักลงทุน และมีพื้นที่นิคมฯ แล้ว และเห็นว่า จ.บุรีรัมย์ มีตลาดที่ใหญ่พอ ส่วนจะมุ่งเน้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใด ต้องมีการสำรวจความเป็นไปได้อีกครั้งหนึ่ง


ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการเหมืองหินและโรงโม่หิน ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีประทานบัตรที่กำลังจะสิ้นอายุ ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการเร่งผลิตเพื่อทำการสต็อกแร่สำหรับการจำหน่าย หรือประกอบธุรกิจในช่วงที่อยู่ระหว่างการต่ออายปุระทานบัตรแล้วยื่นขอครอบครองแร่ไว้ก่อน นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะผลักดันเสนอแผนแม่บทบริหารจัดการแร่ฯ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบภายในเดือนพฤษภาคมนี้

ทั้งนี้ นายอุตตม ยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ และศูนย์วิจัยและพัฒนาอ้อย โรงเรียนสอนชาวไร่อ้อย ซึ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 มีพื้นที่ปลูกอ้อย 1.7 ล้านไร่ มีผลผลิต 21.6 ตันต่อปี โดยมีปัญหาขาดแคลนแรงงานในการบริหารจัดการไร่อ้อย ต้นทุนค่าแรงสูง และยังขาดประสิทธิภาพการผลิต กระทรวงอุตสาหกรรมโดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จึงมีแผนขยายโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ออกไปอีก 3 ปี (พ.ศ. 2562 – 2564) วงเงินปีละ 2,000 ล้านบาท เพื่อให้สินเชื่อแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยในการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการไร่อ้อยสู่การเป็นเกษตรอัจฉริยะ เพื่อมุ่งสู่ 4.0  กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและโรงงานน้ำตาลในพื้นที่ ให้ความช่วยเหลือชาวไร่อ้อยภาคอีสานที่ยังไม่สามารถตัดอ้อยได้ทันก่อนการปิดหีบอ้อย โดยให้เลื่อนกำหนดระยะปิดหีบอ้อยออกไปในเดือนพฤษภาคม 2561 เพื่อพยายามรับซื้ออ้อยจากชาวไร่อ้อยทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ภาคอีสานมีอ้อยคงเหลือประมาณ 2 ล้านตัน หากชาวไร่อ้อยไม่สามารถตัดอ้อยได้ทันอาจจะทำให้เกิดอ้อยค้างไร่และชาวไร่อ้อยขาดรายได้

ด้านนายสมชาย หาญหิรัญ  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่หมู่บ้าน CIV องค์การบริหารส่วนตำบลสวาย ที่โดดเด่นเรื่องตลาดผ้าไหมใต้ถุนเรือน กระทรวงอุตสาหกรรมได้ส่งมอบบรรจุภัณฑ์ที่ได้ออกแบบให้เพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และตรวจเยี่ยมพงษ์พันธ์ฟาร์มจิ้งหรีด อ.ประโคนชัย          จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ขอความช่วยเหลือผ่านศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี ด้านเงินทุน และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) อนุมัติสินเชื่อ Micro SME แล้ว 200,000 บาท และศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมพื้นที่ภาค 6 ได้เข้าไปแนะนำในเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ รวมทั้งการบริหารจัดการการตลาดและระบบบัญชี เนื่องจากพงษ์พันธ์ฟาร์มจิ้งหรีด มีความต้องการจะแปรรูปเป็นแมลงทอด และพัฒนาเป็นอาหารเสริมในอนาคต และเฉาก๊วยโกโบริ ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพอีกรายที่ขยายแฟรนไชส์ในไทยกว่า 800 ราย และประเทศเพื่อนบ้าน ไปยังลาวและกัมพูชา รวมกว่า 600 รายได้รับเงินกองทุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 3 ล้านบาทในการสร้างโรงงานใหม่ ทั้ง  2รายเป็นตัวอย่างของคนตัวเล็กที่กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าไปช่วยส่งเสริมพัฒนาให้โตอย่างต่อเนื่อง  


ทั้งนี้ ยังลงพื้นที่หมู่บ้าน CIV บ้านเจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าไปช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าภูอัคนี (ย้อมจากดินภูเขาไฟที่ดับแล้ว)ให้ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยเป้าหมายของ CIV คือ หมู่บ้านและเอสเอ็มอีเกษตรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ภายใน 1 ปี

สำหรับแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2561-2564) มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนศูนย์กลางเกษตรอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ไหม ท่องเที่ยวอารยธรรม และการค้าชายแดน โดยจะพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเกษตรอุตสาหกรรมและแปรรูป ยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ไหม และการส่งเสริมและพัฒนาการค้าการลงทุน และการค้าชายแดน ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมมีแนวทางในการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนควบคู่กับการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งมีเครื่องมือทางการเงิน 4 ประเภท คือ กองทุนพัฒนาศักยภาพฯ 10,000 ล้านบาท กองทุนฯ คนตัวเล็ก 8,000 ล้านบาท สินเชื่อ Local Economy Loan และสินเชื่อ Transformation Loan ในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ซึ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อกองทุนฯ ไปแล้วทั้งหมด  34 ราย วงเงิน 86 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

เจ้าหน้าที่เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบเส้นเงิน

กทม. 17 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ 3 หน่วยงาน เข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสฯ ขอตรวจสอบเส้นเงิน หลังอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก มีรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เนื่องจากเจ้าคุณประสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิการบดี.-สำนักข่าวไทย

นักท่องเที่ยวแห่ชมปราสาทตาเมือนธม-ให้กำลังใจทหารต่อเนื่อง

สุรินทร์ 17 ก.ค. – กำลังใจไหลมาต่อเนื่อง สู่ทหารแนวหน้าบริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ท่ามกลางการคุมเข้มตามข้อตกลงใหม่ หลังเกิดเหตุป่วนเมื่อ 2 วันก่อน กลุ่มเพื่อนดนตรีจิตอาสาจากกรุงเทพฯ นัดแต่งชุดธีมลายพราง ให้กำลังใจ พร้อมโชว์ลูกคอเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” แม้วันนี้จะยังไม่มีคณะทัวร์ใหญ่ แต่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางเข้ามาเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และให้กำลังใจทหารอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงเปิด 09.00 น.ที่ผ่านมา นอกจากชมความงดงามปราสาทที่สร้างเป็นพระตำหนักของกษัตริย์ขอม อายุนับพันปีแล้ว สิ่งที่นักท่องเที่ยวสนใจคือ รอยต่อเขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณแนวต้นขี้เหล็ก ทางขึ้นตัวปราสาทด้านกัมพูชาที่เคยมีแนวรั้วไม้กั้น หลังเหตุปะทะปี 2554 แต่ต่อมามีการรื้อออกไปในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับกัมพูชา ซึ่งบริเวณเดียวกันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่หญิงกัมพูชาตะโกนใส่ทหารไทย ว่ารุกล้ำเขตแดน จนมีการกระทบกระทั่งกันเมื่อ 2 วันก่อน อีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพคือ หลักหมุด GPS ด้านหน้าทางขึ้นตัวปราสาทฝั่งไทย ซึ่งทหารไทยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวกัมพูชารุกล้ำเกินหลักหมุดนี้ สำหรับแนวทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่กำชับไม่ให้ถ่ายภาพบริเวณทางเดินก่อนถึงตัวปราสาท และไม่ให้ตามเกมยั่วยุของอีกฝ่าย พร้อมย้ำให้สบายใจได้ว่าไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบเรื่องอธิปไตยเหนือตัวปราสาทอยู่แล้ว กลุ่มเพื่อนดนตรีจิตอาสาจากกรุงเทพฯ อดรนทนไม่ได้ที่เห็นกัมพูชายั่วยุบ่อยครั้ง จึงนัดกันแต่งชุดธีมลายพรางทหาร เพื่อแสดงความเป็นพวก ให้กำลังใจทหาร พร้อมโชว์ลูกคอในบทเพลง […]

“สีกากอล์ฟ” ปฏิเสธข้อหารีดทรัพย์-ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ อ้างแค่ยืมเงิน

กรุงเทพฯ 17 ก.ค. – รอง ผบก.ป. ระบุ “สีกากอล์ฟ” ปฏิเสธข้อหารีดเอาทรัพย์-ทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ อ้างแค่ยืมเงิน และขอความร่วมมือ ไม่ได้บังคับ เผยแผนประทุษกรรม หวังได้มาซึ่งเงินเลี้ยงดู ยังพบทำคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมขบวนการ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการสอบปากคำ “สีกากอล์ฟ” อายุ 35 ปี ในส่วนของคดีข่มขืนใจและรีดเอาเงินทิดแหล่ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ ระบุว่า ทางกองปราบฯ ได้แจ้งข้อหากับสีกากอล์ฟไป 2 ข้อหา คือข้อหารีดเอาทรัพย์ และทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ซึ่งสีกากอล์ฟให้การปฏิเสธ โดยประเด็นเรื่องเงินที่ตำรวจกล่าวหาว่า มีการขู่เอาเงินจากทิดแหล่ ถ้าไม่ให้เงินจะเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์แล้วจะทำให้ถูกปลด สีกากอล์ฟอ้างว่า ไม่ได้ขู่แบล็กเมล์เพื่อเอาเงินเป็นเพียงแค่ขอยืมไปจ่ายค่าเช่ารถ ส่วนข้อกล่าวหา เรื่องทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ ที่ให้ทิดแหล่ เขียนร้องเรียนเจ้าคุณอาชว์นั้น สีกากอล์ฟ อ้างว่า ไม่ได้บังคับให้เขียนร่างหนังสือแค่ขอให้ช่วยเฉย ๆ ทั้งนี้ เรื่องของความสัมพันธ์ จากการสอบปากคำ สีกากอล์ฟให้การทั้งกับความสัมพันธ์ ผู้เสียหายคือ ทิดแหล่ และพระรูปอื่นๆ ด้วย […]