ปปง.4 พ.ค.-ปปง.ร่วมกับ 3 ธนาคาร มอบเงิน 1.16 ล้านบาท ที่ยับยั้งได้ ก่อนที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะถอน มอบให้ตำรวจนำไปเยียวยาประชาชน 4 ราย ที่ได้รับความเสียหาย
วันนี้ (4 พ.ค.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ส่งมอบเงินของผู้เสียหายบางส่วนที่สามารถยับยั้งการถอนของมิจฉาชีพได้ จำนวนเงิน 1,166,617.99 บาทมอบแก่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ดำเนินการบรรเทาความเสียหายให้กับประชาชน จำนวน 4 ราย ที่ได้รับความเดือดร้อน จากก่อนหน้านี้ได้ส่งมอบเงินของผู้เสียหายที่สามารถยับยั้งการถอนจากมิจฉาชีพแล้ว จำนวน 69 ราย รวมเป็นเงิน 10,646,638.22 บาท รวมส่งมอบเงินคืนผู้เสียหายไปแล้ว 73ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 11,813,256.21 บาท
สำหรับสถิติเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ปปง. มีผู้แจ้งผ่านสายด่วน ปปง.1710 ตั้งแต่วันที่ 15พ.ย.2560 ถึงปัจจุบัน(4 พ.ค.61)มีผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงิน จำนวน 345 ราย เหตุเกิดแล้วรีบแจ้ง 183 ราย เหตุเกิดแล้วแจ้งภายหลัง162 ราย รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 142,963,709.86 บาท สามารถยับยั้งและช่วยเหลือได้จำนวน 82 ราย มูลค่ารวม 35,329,583.67 บาท
ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง.ขอแจ้งเตือนประชาชน หากถูกแก๊งมิจฉาชีพโทรศัพท์มาหลอกลวง ให้รีบแจ้งไปยัง ศปก.ปปง.โดยเร็วที่สุด เพื่อจะสามารถระงับยับยั้งการถอนเงินของกลุ่มมิจฉาชีพได้อย่างทันท่วงที โดยโทรศัพท์แจ้งเหตุมาที่ ศปก.ปปง.สายด่วน ปปง.1710 ซึ่งเปิดทำการทุกวันโดยไม่เว้นวันหยุดราชการ
นอกจากนี้ขอแจ้งเตือนไปยังผู้รับจ้างเปิดบัญชีทุกคนว่าการรับจ้างเปิดบัญชี ถือเป็นภัยร้ายแรงอย่างยิ่งต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งการรับจ้างเปิดบัญชีดังกล่าว มีคำพิพากษาศาลฎีกา พิพากษาว่าเป็นการสนับสนุนการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาจเป็นความอาญาผิดฐานฟอกเงินอีกฐานหนึ่งซึ่งมีโทษจำคุกอัตราสูงถึง 10 ปี และสำนักงาน ปปง.จะทำการสืบสวนขยายผลและดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อติดตามทรัพย์สินคืนสู่ประชาชนผู้เสียหายและแผ่นดินต่อไป .-สำนักข่าวไทย