ธปท.หนุนแบงก์ควบรวมแข่งต่างชาติ

กรุงเทพฯ  23 เม.ย. – ผู้ว่าฯ ธปท.หนุนแบงก์ควบรวมกิจการ ชี้เป็นจังหวะดีได้สิทธิทางภาษี เพิ่มความสามารถการแข่งขันกับต่างชาติ


นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อจูงใจให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศมีการควบรวมกิจการ โดยมีระยะเวลาจนถึง 31 ธันวาคม 2565 ว่า เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการคลังที่สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์มีการควบรวมกิจการ เพื่อเพิ่มขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นสามารถแข่งขันทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยเป็นมาตรการสมัครใจ ไม่ใช่การบังคับ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละสถาบันการเงินเอง แต่หากธนาคารพาณิชย์ไทยมีขนาดใหญ่ขึ้นก็จะเป็นโอกาสให้สามารถแข่งขันได้ ลดต้นทุนการบริหารจัดการ มีความเข้มแข็งมากขึ้น บริหารความเสี่ยงและสามารถตอบโจทย์ธุรกิจขนาดใหญ่ได้ เพราะปัจจุบันธนาคารพาณิชย์มีขนาดไม่ใหญ่และบางแห่งมีพันธมิตรเป็นผู้ถือหุ้นต่างประเทศอยู่แล้ว

ทั้งนี้ การกำหนดกรอบระยะเวลาที่สามารถใช้มาตรการนี้ ตั้งแต่เกิดการควบรวมจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เพื่อเป็นมาตรการจูงใจให้มีการควบรวม เพราะหากไม่มีระยะเวลากำหนด ก็จะไม่ทำให้สถาบันการเงินไม่รู้สึกตื่นตัวและไม่เป็นการจูงใจ โดย ธปท.จะไม่กำหนดว่าสถาบันการเงินของไทยในระยะต่อไปจะมีจำนวนเท่าใด ขึ้นอยู่กับกลไกของตลาดเป็นผู้กำหนดว่าควรมีเท่าใด แต่ช่วงนี้ถือเป็นจังหวะดีที่จะเกิดการควบรวมกัน เพราะจะได้สิทธิพิเศษทางภาษีตามมาตรการที่ออกมา


ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากขนาดของธนาคารพาณิชย์ไม่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะไม่สามารถรองรับการลงทุนจากต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้นั้น  มองว่าการระดมทุนทำได้หลายรูปแบบทั้งในตลาดทุนและการออกตราสารหนี้ ซึ่งต้องนำหลาย ๆ เรื่องมาประกอบการ และจะต้องมีช่องทางที่มีประสิทธิภาพ มีจังหวะที่ดีจึงจะสามารถตอบโจทย์ที่หลากหลายได้ 

นอกจากนี้ ยืนยันว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้ทำให้รายได้ภาษีของรัฐบาลหายไป เพราะรัฐบาลไม่ได้มีรายได้จากการเก็บภาษีจากสถาบันการเงินอยู่แล้ว แต่เป็นการลดภาษีที่เป็นอุปสรรค ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ยอมที่ให้มีการตัดจ่ายได้มากกว่าหนึ่งครั้ง เพื่อเป็นการจูงใจให้เกิดการควบรวม 

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า เป็นประโยชน์ให้กับสถาบันการเงินมีความแข็งแรง  แต่ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ มีความจำเป็นที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องควบรวมกิจการกันหรือไม่ ซึ่งการควบรวมกิจการจะทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งมีโอกาสทำธุรกิจได้ดีกว่าเดิม แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนโยบายธุรกิจของแต่ละธนาคาร และมติของผู้ถือหุ้นว่าจะให้ควบรวมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีธนาคารใดควบรวมกันบ้าง สำหรับธนาคารกสิกรไทย ไม่ได้มีแนวคิดที่จะควบรวมกิจการแต่อย่างใด  


ส่วนข้อกังวลว่าหากธนาคารขนาดใหญ่ควบรวมกันแล้ว ธนาคารขนาดเล็กจะอยู่อย่างไร ยืนยันว่าธนาคารทุกขนาดต้องเผชิญปัญหาเหมือนกันและความสามารถของธนาคารไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาด เพราะบางครั้งธนาคารขนาดเล็กก็มีจุดเด่นและความสามารถโดดเด่นกว่าธนาคารขนาดใหญ่.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เหล้าเถื่อนลาว

เสียชีวิตรายที่ 6 คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว

คลัสเตอร์เหล้าเถื่อนในลาว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเสียชีวิตเพิ่มรายที่ 6 เป็นหญิงชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตขณะรักษาตัวในไทย

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษา ทบ.

ย้ายเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ช่วยปฏิบัติราชการที่กองบัญชาการกองทัพบก หลังถูกร้องทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมช่วยเจ้าทุกข์ย้ายหน่วยตามร้องขอ

ไฟไหม้โรงงานพัดลม เผาวอดเสียหายกว่า 50 ล้าน

ไฟไหม้โรงงานผลิตพัดลมรายใหญ่ จ.สมุทรสาคร ระดมรถดับเพลิงระงับเหตุ กว่า 5 ชม. จึงควบคุมไว้ได้ในวงจำกัด เบื้องต้นเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ภรรยาหมอบุญมอบตัว

“ภรรยา-ลูก” หมอบุญ อ้างถูกปลอมลายเซ็น ไม่เคยรู้การกระทำใดๆ

ทนายความภรรยา-ลูก หมอบุญ เผยถูกปลอมลายเซ็นเอกสาร ไม่เคยรับรู้การกระทำใดๆ ของหมอบุญ โดยภรรยาได้หย่าร้างกับหมอบุญ ก่อนปี 66

น้ำผุดเชียงดาว

น้ำใต้ดินผุดท่วมอ่วม “บ้านเรือน-พื้นที่เกษตร” อ.เชียงดาว

มวลน้ำมหาศาลผุดขึ้นจากใต้ดิน เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนประชาชน หลายหมู่บ้าน ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ระดับน้ำบางจุด ท่วมบ้านเกือบถึงหลังคา พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 400 ไร่

เลือกตั้ง อบจ.

“แสวง” ลงพื้นที่สังเกตการณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี

“เลขาฯ แสวง” ลงพื้นที่ตรวจรับ-มอบอุปกรณ์เลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี พร้อมสังเกตการณ์เลือกตั้งพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) วอนประชาชนออกมาใช้สิทธิ 8.00-17.00 น.