นครปฐม 20 เม.ย.-วันนี้อีกหนึ่งประเด็นที่สังคมจับตา คือ การประชุมมหาเถรสมาคมช่วงบ่ายที่ผ่านมา ว่าจะมีมติดำเนินการอย่างไรกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป โดย 3 ใน 5 รูป ยังดำรงตำแหน่งกรรมการ มส. ผลการประชุมจะเป็นอย่างไร ติดตามจากรายงาน
เป็นครั้งแรกที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผชิญหน้ากับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นกรรมการ มส.ทั้ง 3 รูป ซึ่ง ผอ.พศ.เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการ ปปป.ว่าเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตงบอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม หรือเงินทอนวัดลอตที่ 3 มูลค่าร่วม 70 ล้านบาท ในการประชุมมหาเถรสมาคม ทั้งสังคมจับตาว่าการประชุม มส.รอบนี้ จะมีวาระด่วนพิจารณาโทษทางวินัยกับกรรมการ มส.ที่ถูกกล่าวหาหรือไม่
เป็นที่น่าสังเกตว่าการประชุม มส.ถกยาวกว่าปกติ และ พ.ต.ท.พงศ์พร แถลงเพียงสั้นๆ ว่า มส.มีมติให้ชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจกับสังคมว่า พระทั้ง 5 รูปที่ถูกกล่าวหา ถือว่าผู้บริสุทธิ์ จนกว่า ป.ป.ช.จะเริ่มไต่สวน พร้อมย้ำว่าการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ปราศจากอคติ ทำตามที่ตำรวจให้ข้อมูล หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของ ปปป.และ ป.ป.ช.ที่จะสอบสวน และจะไม่ขอพูดอีก
ด้านพระธรรมกิตติเมธี ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เชื่อว่า พ.ต.ท.พงศ์พร มีข้อมูลบางส่วน จึงดำเนินการ พร้อมเปิดเผยรูปแบบการใช้เงินอุดหนุนจากภาครัฐของแต่ละวัดที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถโยกไปทำประโยชน์ส่วนอื่นได้ จึงอาจเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการทุจริต หากไม่ให้เกิดปัญหา ต้องไม่รับเงินจากรัฐ ซึ่งเป็นไปได้ยาก
แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกันบ้าง ระหว่างพระสงฆ์กับฆราวาส แต่เชื่อไม่ส่งผลต่อความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระพุทธศาสนา
ดูเหมือนว่าท่าทีของคณะสงฆ์จะดูอ่อนลง หลังได้หารือกับผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และไม่มีวาระพิจารณาทางวินัยกับพระทั้ง 5 รูป แต่ยังต้องติดตามว่าจะมีการร้องทุกข์กับอีก 7 วัดดังในกรุงเทพมหานครต่อหรือไม่ เพราะเรื่องสะเทือนวงการสงฆ์ ถูกโยนให้ ปปป.และ ป.ป.ช.เป็นผู้ไขปริศนาที่สังคมสงสัยต่อวงการผ้าเหลือง.-สำนักข่าวไทย