จับรองหัวหน้าขบวนการคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน-ไต้หวัน

กทม.20เม.ย.-เจ้าหน้าที่จับระดับรองหัวหน้าขบวนการคอลเซ็นเตอร์  สัญชาติจีน-ไต้หวัน พร้อมแถลงผลยับยั้งการถอนเงินเหยื่อที่หลงเชื่อออกจากบัญชีได้ 5 ราย


         

ตำรวจศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงจับกุมนายโค ชาง คุน หรือ “เคลวิ่น” ชาวจีน-ไต้หวัน ตามหมายแดง  ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังเดินทางจากเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อแวะต่อเครื่อง มุ่งหน้าไต้หวัน  


นายโค ชาง คุน เป็นรองหัวหน้าขบวนการ คอยควบคุมการโทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อคนไทย นับเป็นผู้ต้องหาคนที่ 23  ที่จับกุมได้ หลังตำรวจดูไบเปิดปฏิบัติการทลายรังขบวนการคอลเซ็นเตอร์  ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.สอบปากคำด้วยตนเอง ก่อนแถลงพฤติการณ์นายโค ชาง คุน ว่า ทำงานในขบวนการดังกล่าวมาแล้ว 6 ปี  7 ประเทศ โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศสุดท้ายก่อนถูกจับ  ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ขอหมายแดงจากตำรวจสากล  8 หมายแดง เพื่อติดตามจับกุมขบวนการดังกล่าว และนายโค ชาง คุน เป็นหนึ่งในนั้น สำหรับเครือข่ายนายโค ชาง คุน สร้างความเสียหายให้เหยื่อรวมกว่า 100  ล้านบาท 

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  หักพาล  รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ สามารถจับกุมชาวไต้หวันระดับหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ 16 คน จากที่ขอหมายจับทั้งหมด 526 หมายจับ และจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้เกือบทั้งหมด ขณะนี้เหลือเพียง 148 หมายจับ ซึ่งเป็นคนไทยทั้งหมด ทำหน้าที่ขายบัญชีเงินฝากให้ขบวนรการคอลเซ็นเตอร์

นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังร่วมกับ ป.ป.ง. และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) แถลงผลการช่วยเหลือเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ โดยสามารถยับยั้งการถอนเงินออกจากบัญชีได้ 5 ราย เป็นเงิน 835,420.86 บาท  ในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา 1 คดี, สุพรรณบุรี 1 คดี และ กรุงเทพฯ 3 คดี  มี 2 ใน 5 รายที่เจ้าหน้าที่สามารถยับยั้งการถอนเงินได้ทั้งหมด ส่วนอีก 3 รายถูกถอนเงินออกไปบางส่วน อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนพบว่าเหยื่อที่เจ้าหน้าที่ยับยั้งการถูกถอนเงินออกไปได้ ใช้เวลาตัดสินใจแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155, สายด่วน ป.ป.ง. 1710 และส่วนด่วนของธนาคารฯ ภายใน 15-30 นาที จึงสามารถยับยั้งได้ทัน  ที่เหลือใช้เวลาตัดสินใจแจ้งช้ากว่า 30 นาทีหรือเกิน 1 ชั่้วโมง จึงถูกถอนเงินออกไปบางส่วน


สำหรับปฏิบัติการอายัดเงินคืนเหยื่อขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นทั้งหมด 92 ราย รวมเป็นเงิน 17,199,000 บาท เฉพาะปี 2561 คือตั้งแต่ 1 ม.ค.-19 เม.ย. พบการหลอกลวงเหยื่อลดลง  โดยเดือนมกราคมพบ 65 ราย, กุมภาพันธ์ 36 ราย และมีนาคมพบ 28 ราย  ส่วนเดือนเมษายนตั้งแต่ 1-19 เม.ย. ไม่พบการหลอกหลวงเหยื่อคาดอาจเป็นผลจากการทลายขบวนการคอลเซ็นเตอร์ครั้งใหญ่ที่ดูไบ อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือยับยั้งการถอนเงินเหยื่อ 5 รายไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ซึ่งถูกทลายที่ดูไบแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

          

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง