มทบ.11 19 เม.ย.- ผบ.มทบ.11 ย้ำ กองทัพพร้อมดูแลครอบครัวว่าที่ทหารใหม่จับได้ใบแดง หลังพบครอบครัวฐานะยากจน ชี้ เมื่อฝึกครบกระบวนการแล้ว สามารถกลับเยี่ยมบ้านได้ ยืนยันดูแลครอบครัวทหารใหม่ทุกคนที่มีปัญหา ไม่ใช่แค่คนที่ตกเป็นข่าว
พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 กล่าวถึงกรณีปรากฏคลิปวิดีโอที่นายศักดิ์ฤทธิ์ ศรีสุนทร ร้องไห้ที่จับได้ใบแดง จึงต้องเข้ารับราชการทหารเพราะเกรงจะไม่มีคนดูแลยาย ว่า นายศักดิ์ฤทธิ์ได้ขอผ่อนผันมาแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ในปีนี้ ตัดสินใจยกเลิกการผ่อนผันที่จะศึกษาต่อ ซึ่งเดิมนายศักดิ์ฤทธิ์ ต้องการสมัครเข้ารับราชการเป็นทหารเรือ แต่เนื่องจากมีผู้สมัครจนเต็ม จึงตัดสินใจที่จะจับสลากใบดำใบแดง เจ้าตัวจับได้ใบแดง ทบ.ผลัดที่ 2 ต้องรับราชการที่มณฑลทหารบกที่ 11 ในเดือนพฤศจิกายนนี้ จากเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปอาจเป็นเพราะความตกใจ เนื่องจากในครอบครัวของนายศักดิ์ฤทธิ์ มีทั้งผู้สูงอายุและมีคนที่สุขภาพไม่แข็งแรงจึงได้เสียใจและร้องไห้ออกมา
พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้มณฑลทหารบกที่ 11 ซึ่งรับผิดชอบดูแลสัสดีในเขตกรุงเทพมหานคร ให้เข้าไปดูแลตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้ไปตรวจสอบและสืบสภาพชีวิต ซึ่งพบว่า ในครอบครัวของนายศักดิ์ฤทธิ์ มียายอายุมากกว่า 70 ปี ป้าอายุมากกว่า 50 ปี ป้าอีกคนอายุมากกว่า 40 ปี และน้องชายอายุ 16 ปีที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ ส่วนนายศักดิ์ฤทธิ์ทำงานบริษัทอุปกรณ์ไฟฟ้า มีรายได้วันละประมาณ 300 บาท รายได้หลักมาจากการทำงานของนายศักดิ์ฤทธิ์ และการขายพวงมาลัยของยายและป้า ทำให้นายศักดิ์ฤทธิ์เกิดความกังวล แต่เมื่อสัสดีเข้าไปทำความเข้าใจว่า นายศักดิ์ฤทธิ์ ยังมีเวลาอีก 6 เดือนจึงจะเข้ากรมกอง และหน่วยที่จะอยู่ก็อยู่ที่กรุงเทพมหานคร
ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ มีกองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ของบ้านนายศักดิ์ฤทธิ์ จะเข้าไปดูแลพร้อมมอบสิ่งของเพื่อให้กำลังใจ สร้างความเชื่อมั่น ขณะที่สัสดีก็ได้ทำความเข้าใจกับนายศักดิ์ฤทธิ์เรื่องสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับแล้วว่า หลังจากนี้จะต้องทำอะไรบ้าง เชื่อว่าจะทำให้นายศักดิ์ฤทธิ์คลายความกังวลไปได้ ซึ่งนายศักดิ์ฤทธิ์ ก็ยืนยันว่าในระหว่าง 6 เดือนหลังจากนี้ ก็จะพยายามเก็บเงินเพื่อมอบให้ครอบครัวไว้จุนเจือในขณะที่เข้ารับราชการทหาร
พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเข้ารับราชการในมณฑลทหารบกที่ 11 จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง ค่าครองชีพ ซึ่งอาจจะสูงกว่าอาชีพเดิมของนายศักดิ์ฤทธิ์ด้วย อีกทั้งหลังจากฝึกไปแล้วประมาณ 30 วัน ญาติก็ยังสามารถเดินทางมาเยี่ยมนายศักดิ์ฤทธิ์ได้ และเมื่อฝึกครบกระบวนการไปถึงขั้นตอนการตรวจสอบการฝึกแล้ว ในสัปดาห์ที่ 10-11 หลังจากการฝึกเฉพาะหน้าที่แล้วก็จะปล่อยพัก แล้วเข้าสู่วงรอบการทำงาน แล้วกลับบ้าน แล้วก็กลับมาทำงานเป็นห้วงไป
พล.ต.ปิยพงศ์ ยังได้กล่าวถึงหลักเกณฑ์การผ่อนผันด้วยเหตุความจำเป็นในการดูแลบุพการีว่า จะต้องเป็นบุพการีที่ป่วย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือมีความจำเป็นต้องดูแลลูก แต่กรณีดังกล่าว เป็นยายของนายศักดิ์ฤทธิ์ จึงไม่สามารถเข้าหลักเกณฑ์การผ่อนผันได้ แต่กองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะให้การช่วยเหลือร่วมกันอยู่แล้ว ทุกคนที่เข้ารับราชการ และมีปัญหาครอบครัวเช่นนี้ แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว ก็จะได้รับการดูแลเท่าเทียมกัน เพราะเมื่อได้เข้ามาเป็นครอบครัวของกองทัพ ทุกคนที่เป็นผู้บังคับบัญชาจะต้องจัดทำประวัติหลายชุด ตั้งแต่การอยู่หน่วยฝึกทหารใหม่ ประวัติชีวิตความเป็นอยู่ ประวัติการดูแลสุขภาพ ประวัติความสามารถความถนัด รวมทั้งประวัติการศึกษา ซึ่งผู้บังคับบัญชาจะมีรายละเอียดเหล่านี้ และจัดประเภทหมวดหมู่ เพื่อลงไปดูแล ดังนั้น น้อง ๆ ทหารใหม่ที่เข้ามา แต่มีปัญหาความยากจนหรือความลำบากของครอบครัว ก็จะเข้าไปดูแลเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับทหารใหม่และครอบครัวอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย