กรุงเทพฯ 16 เม.ย.-การตอบโต้ทางการค้าของสองประเทศมหาอำนาจ ระหว่างสหรัฐ-จีน เป็นที่จับตามองของคนทั่วโลก ว่าพัฒนาการจะไปทางบวกหรือลบ ส่วนประเทศไทยจะได้ หรือเสีย จากเรื่องนี้บ้าง ติดตามจากรายงาน
แม้ว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้น แต่ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รองนายกรัฐมนตรี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ศึกษาผลดีผลเสียต่อการค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีนที่ส่งออกไปยังสหรัฐ เช่น คอมพิวเตอร์ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจรไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่าส่งออก 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1.5% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทย
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่าหากจีนส่งสินค้าไปขายสหรัฐไม่ได้ จะส่งผลให้ไทยส่งสินค้าขั้นต้นหรือขั้นกลางไปยังจีนได้ลดลงเช่นกัน ขณะเดียวกัน ต้องระวังผลกระทบจากกรณีที่อาจมีสินค้าจีนดัมป์ตลาดเข้ามาในภูมิภาครวมทั้งไทย
อีกมุมหนึ่งข้อพิพาทการค้านี้ อาจเป็นโอกาสทางการค้าของผู้ส่งออกไทย ที่จะส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐได้มากขึ้น อาทิ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไทยส่งไปให้ในสัดส่วนกว่า 48% ของยอดการส่งออกไปยังสหรัฐทั้งหมด และไทยอาจได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าไปยังจีนเพิ่มขึ้นในกลุ่ม ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช และเนื้อหมู ซึ่งเป็นสินค้าเป้าหมายที่จีนจะขึ้นภาษีเพื่อตอบโต้สหรัฐ
หลังสงกรานต์ กระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพประชุมร่วมกับ ก.คลัง เกษตร อุตสาหกรรม และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อประเมินผลกระทบทั้งหมด ด้วยความคาดหวังว่าข้อพิพาทการค้าครั้งนี้จะจบลงด้วยดี.-สำนักข่าวไทย