ศปวถ.ชี้ อุบัติเหตุสงกรานต์ปีนี้ ตายคาที่ถึงร้อยละ 57

สำนักข่าวไทย  16 เม.ย.- ผู้จัดการ ศปวถ. ชี้ ส่วนใหญ่ของอุบัติเหตุ ทางถนนในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้  ตายคาทีถึงร้อยละ 57  ขณะที่ดัชนีความรุนแรงมากถึงร้อยละ 10-11  หากวิเคราะห์เป็นรายเคส จะพบ สาเหตุของการเสียชีวิต มาจากขาดการสวมเครื่องป้องกัน   คาดเข็มขัดนิรภัย  จี้ตำรวจเพิ่มโทษการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย  สามารถยึดรถได้



นายแพทย์ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าว วิเคราะห์สถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์  ว่า  ผ่านมา  5 วัน  ตั้งแต่ 11- 15 เมษายน  2561 พบเสียชีวิตแล้ว 323 คน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ถือ ว่าไม่แตกต่างกันมาก  มากกว่าเดิมประมาณ 18 คน แต่ยอดการเสียชีวิตนี้ยังไม่สิ้นสุด  จะถือว่าอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์สิ้นเสร็จจริงก็ในวันที่ 17 เมษายน อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ และประเมินผลพบว่า ส่วนใหญ่ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ร้อยละ 57 เป็นการเสียชีวิตแบบคาที ในรถยนต์ และมีดัชนีความรุนแรง ถึง ร้อยละ 10-11  ซึ่งสาเหตุขอความรุนแรงเป็นเรื่องของปัจจัยร่วม นอกจากขับรถด้วยความเร็วแล้ว  ยังมีเรื่องของการไม่สวมเครื่องป้องกัน ทั้งหมวกกันน็อตในรถจักยานยนต์ , การไม่คาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ ส่วนใหญ่พบในผู้ที่โดยสาร   อย่างเช่น กรณีเคส รถกระบะชนเก๋ง ชนต้นไม้ พลิกตะแคง ตกคูข้างทาง เมื่อวานนี้ (15 เม.ย.)ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และมีผู้ชีวิต 3 ศพ นั้น หากพิจารณาให้ถี่ถ้วนจะพบว่า  ภายในรถเก๋งไม่มีการสวมเครื่องป้องกัน  เข็มขัดนิรภัย ผู้เสียชีวิต เกิดการแรงเหวี่ยง  และในกรณีของอุบัติเหตุอื่น ก็พบ ว่า ผู้โดยสารที่ไม่สวมเครื่องป้องกัน บางคนเมื่อเกิดรถชนกัน ร่างกระเด็นทะลุกระจกรถยนต์ออกมาเสียชีวิต ภายนอก 

นายแพทย์ ธนะพงศ์ กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในปีนี้ สังคมยังมองข้ามเรื่องของความปลอดภัย ในขณะนี้ที่การตั้งข้อหากับผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงใช้ข้อหาเดิมๆ ทำให้ไม่เกิดความเกรงกลัวในการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนใหญ่มักตั้งข้อหา แค่ขับรถโดยประมาท แต่ในความเป็นจริงตำรวจสามารถตั้งข้อหาได้แรงกว่านั้น คือ  การขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย  โดยกำหายเปิดช่องให้สามารถดำเนินการจับและยึดรถไว้ได้  โดยกลุ่มของพฤติกรรมที่เข้าข่ายสามารถจับยึดรถได้นั้น มีตั้งแต่ ขับรถยนต์ หรือ จักรยานยนต์ย้อนสอน ฒหรือ พฤติกรรมขับปาดหน้ารถ ล้วนแต่เป็นเรื่องของความประมาท ส่วนพฤติกรรม ดื่มขับก็เป็นเรื่องหนึ่งที่มีความพยายามแก้ไข โดยการเพิ่มด่านตรวจ  ซึ่งพบในช่วงเทศกาล และพบมากในรถจักรยานยนต์ .-สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นศ.ซิ่งเก๋งชนเสาไฟล้ม 12 ต้น ทับรถ 3 คัน โค้งถนนกาญจนาภิเษก

นักศึกษาซิ่งเก๋งชนเสาไฟฟ้าล้ม 12 ต้น ทับรถที่วิ่งผ่านไปมาเสียหาย 3 คัน บริเวณโค้งถนนกาญจนาภิเษก ตัดเพชรเกษม ประชาชน 150 ครัวเรือนเดือดร้อนไฟดับ การไฟฟ้านครหลวงเร่งซ่อมแซม คาดเย็นนี้กลับมาใช้การได้ตามปกติ

นายหน้าลอยแพ 250 แรงงานไทย ไร้ตั๋วบินทำงานต่างประเทศ

ฝันสลาย แรงงานไทย 250 ชีวิต เหมารถมาสนามบินเก้อ หวังได้ไปทำงานในต่างประเทศ สุดท้ายไม่มีตั๋วบิน รวมตัวแจ้งความตำรวจ หวั่นถูกหลอกสูญเงินกว่า 12 ล้านบาท

สั่งปิดกิจการโรงงานลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์

“เอกนัฏ” ลุยจับโรงงานลักลอบขนย้ายขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกยึดอายัดจากปราจีนบุรี มามหาชัย จ.สมุทรสาคร พบเป็นเครือข่ายเดียวกับ 2 โรงงานที่ถูกสั่งปิดก่อนหน้านี้ ขยายผลตามจับจนเจอขยะอิเล็กทรอนิกส์ลอตใหม่อีกกว่า 1,200 ตัน สั่งปิดกิจการทันที

ข่าวแนะนำ

อธิการบดี ม.สยาม ยันไม่เกี่ยวข้องคอร์สอบรมอาสาตำรวจ

อธิการบดี ม.สยาม แถลงโต้ หลังตกเป็นข่าวมีคอร์สอบรมอาสาตำรวจคนจีนในมหาวิทยาลัย ลั่นมหาวิทยาลัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เตรียมดำเนินคดีกับทุกบุคคลที่เกี่ยวข้อง

ประธาน Google Cloud ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พบนายกฯ

ประธาน Google Cloud ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เข้าพบนายกรัฐมนตรี ยืนยันความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และการป้องกันภัยจาก online scams

“เม้งการยาง” ยันไม่ทราบขวดที่ให้ “แบงค์ เลสเตอร์” กิน เป็นเจลหล่อลื่น

“เม้งการยาง” พบตำรวจไซเบอร์ เผยไม่ทราบว่าขวดที่ให้ “แบงค์ เลสเตอร์” กิน เป็นเจลหล่อลื่น หลังถ่ายรายการยังให้เงินน้องไป 2,000 บาท ด้าน “เมลาย รัชดา” เผยจะเลิกคอนเทนต์ขยะ และเลิกจัดทริปน้ำไม่อาบ

“ภูมิธรรม” ขอไม่ลงรายละเอียด ช่วย 4 ลูกเรือประมงไทย

“ภูมิธรรม” รมว.กลาโหม เผยปล่อยตัว 4 ลูกเรือประมงไทย ต้องรอจบกระบวนการ ย้ำรัฐบาล-กต.ประสานอยู่ตลอด แต่ขอไม่ลงรายละเอียด เพราะอาจกระทบการเจรจา