อสมท 11 เม.ย.-ระดับแอลกอฮลล์ในเลือด 50 mg% เพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุเป็น 2 เท่า ส่วนการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติถึง 23% ยังไม่สายเกินไปที่จะหยุดพฤติกรรมเหล่านี้เพื่อตัวคุณและคนที่คุณรัก
อุบัติเหตุบนท้องถนน เกิดจากหลายปัจจัยทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ความประมาทของเพื่อนร่วมเดินทางอาจเป็นเหตุที่ควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ และรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้ร่วมทาง คือ หยุด! พฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้
เมาไม่ขับ : การดื่มสุราแล้วขับรถ ยังคงเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ และความสูญเสียที่ไม่ใช่เพียงแค่ตัวคุณเท่านั้น แต่ผู้ขับขี่ที่ใช้ถนนร่วมกับคุณอาจต้องมารับเคราะห์ที่พวกเขาไม่ได้ก่อร่วมกับคุณไปด้วย โดยระดับแอลกอฮอล์ในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นยิ่งเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุมากยิ่งขึ้นด้วย
ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ : กรมการขนส่งสหรัฐ เผยการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถอันตรายกว่าการเมาแล้วขับถึง 6 เท่า โดยการถือโทรศัพท์คุย เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ 1.3 เท่า ขณะที่การแชทและอ่านข้อความ ขณะขับรถด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. เท่ากับการปิดตาขับรถ 100 ม. แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ควรใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรี ทั้งสมอลล์ทอล์คและบลูทูธ หรือเปิดลำโพงแทน กรณีข้อความหรือแชท ควรอ่านหรือเขียนเมื่อรถหยุดแล้ว หรือจอดติดสัญญาณไฟแดงเท่านั้น
ไม่ขับเร็ว : ข้อมูลจากมูลนิธิ Thai Roads ระบุว่ามุมมองและทัศน์วิสัยการมองเห็นด้านหน้าของผู้ขับขี่จะลดลงเมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วที่สูงขึ้น เช่น การใช้ความเร็ว 40 กม./ชม. มุมมองของผู้ขับขี่จะกว้างถึง 100 องศา สามารถมองสิ่งขีดขวางข้างหน้าได้ชัดเจน แต่เมื่อเพิ่มความเร็วในการขับขี่เป็น 70 กม./ชม. มุมมองจะลดลงเหลือ 70 องศาเท่านั้น ส่งผลต่อการรับรู้และระยะเวลาตัดสินใจ นอกจากนี้การขับขี่ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ระยะหยุดรถ เพิ่มขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ข่าวคราวอุบัติเหตุบนท้องถนนมีให้เห็นไม่เว้นวัน ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ล้วนส่งผลกระทบต่อคนรอบตัวผู้ประสบเหตุทั้งสิ้น ยิ่งใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีประชาชนเดินทางกลับต่างจังหวัดจำนวนมาก ผู้ขับขี่ทุกคนจึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น เพื่อรับผิดชอบชีวิตตัวเองและเพื่อนร่วมทาง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถควบคุมปัจจัยทุกอย่างที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่เลือกจะไม่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้จากตัวคุณ.-สำนักข่าวไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิ Thai Roads, สสส. และกรมการขนส่งสหรัฐ