กรุงเทพฯ 9 เม.ย. – ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเอสพีพี (ชีวมวล) ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ขอให้เดินหน้าปรับเปลี่ยนสัญญาซื้อไฟฟ้า จาก ADDER เป็น FIT ด้าน รมว.พลังงานระบุขอพิจารณาทบทวนเพราะเป้าหมายหลัก คือ ไม่ต้องการเพิ่มภาระค่าไฟฟ้าแก่ภาคประชาชน
นายนที สิทธิประศาสน์ ประธานชมรมผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเอสพีพี (ชีวมวล) และผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าเอสพีพี กว่า 25 โรง ได้เดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงพลังงาน ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรียกร้องขอความเป็นธรรมในการกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้า เนื่องจากขณะนี้ SPP จำนวน 31 โรง ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะก่อนหน้ารัฐบาลได้เปลี่ยนสัญญาให้กับผู้ประกอบการรายเล็กมาก (วีเอสพีพี ) ชีวมวล เปลี่ยนจากการอุดหนุนแบบ ADDER เป็น FIT ในราคา 4.24 บาท/หน่วย ทั้งที่เป็นสัญญาแบบNON-FIRM แต่เอสพีพีชีวมวลเป็นสัญญา FIRM มีบทปรับหากผลิตไฟฟ้าไม่ได้ ดังนั้น จึงเสียเปรียบในการแข่งขันรับซื้อเชื้อเพลิงชีวมวล และเนื่องจากสัญญาราคาของเอสพีพีชีวมวลผูกกับเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตา ถ่านหิน ซึ่งราคาตกต่ำ รายได้ก็ต่ำกว่า กระทบฐานะการเงิน อย่างหนัก
ทั้งนี้ ทางชมรมฯ จึงขอเรียกร้องขอความเป็นธรรม ด้านราคารับซื้อไฟฟ้าทางสมาคมฯ ได้มีความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 และล่าสุดมีมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) และ ครม.ให้แนวทางมาแล้ว แต่เรื่องกลับเงียบไป ทางสมาคมฯ จึงต้องออกมาเคลื่อนไหว โดยขณะนี้หลายรายอยู่ในช่วงเวลาต้องคืนหนี้แก่ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ หากเป็นเช่นนี้ก็กระทบต่อรายได้ และการคืนหนี้ ซึ่งหลักการที่เสนอก็เป็นหลักการเดียวกับวีเอสพีพี นั่นคือ ดูถึงรายได้ตลอดอายุสัญญา 20 ปี โดยการเปลี่ยนแปลงสัญญาจะพิจารณาวงเงินอายุสัญญาเป็นหลัก เช่น กรณีสัญญาเดิม 20 ปี มีรายได้รวม 1,000 ล้านบาท สัญญาที่จะเปลี่ยนแปลงใหม่ก็จะได้วงเงินเท่าใด แต่ลดระยะเวลาสัญญาลงไม่ถึง 20 ปี
“เรื่องนี้ผ่านการพิจารณาไปแล้วระดับหนึ่ง ก็เหลือแต่ขอความเห็นชอบจาก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ก็หวังว่า กพช. 23 เม.ย.นี้จะพิจารณา เพราะหากไม่ช่วยผู้ประกอบการคงอยู่ไม่ได้ ” นายนที กล่าว
นายศิริ กล่าวว่า หลักการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าในอนาคตนั้นจะพิจารณาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน เพราะพลังงานทดแทนขณะนี้ซื้อรวม ๆ ประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ จากที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศอยู่ที่ประมาณ 30,000 เมกะวัตต์ มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของการใช้ไฟฟ้า และมีต้นทุนในค่าไฟฟ้าอัตโนมัติประมาณ 20-25 สตางค์ต่อหน่วย เป็นภาระระยะยาว 10-20 ปี หรือมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 10 ของค่าไฟฟ้า โดยนโยบายก็ต้องการส่งเสริมด้วยการรับซื้อพลังงานทดแทนเป็นอันดับแรก ๆ แต่ สิ่งสำคัญ คือ ผลิตแล้วต้นทุนจะต้องไม่เกินค่าไฟฟ้าขายส่งที่ประมาณ 2.40 บาท/หน่วย ดังนั้น กรณีเอสพีพีชีวมวลที่เสนอมาก็จะพิจารณาทบทวน โดยใช้หลักการต้นทุนเป็นหลักว่าซื้อแล้วเพิ่มภาระต่อประชาชนหรือไม่ ดังนั้น ขณะนี้จึงตอบไม่ได้ว่าจะพิจารณาตามมติ กบง.เดิมหรือไม่.-สำนักข่าวไทย