จุฬาฯ 9 เม.ย.- นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่าน” ขอนิสิตจุฬาฯ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงประเทศ ภายใต้แผนปฎิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำการศึกษาต้องพัฒนาคน ผลักดันประเทศสู่เป้าหมาย แจงให้ทุกคนยึดกฎหมาย เพราะไม่ได้ใช้บังคับเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างความเท่าเทียมของคนในสังคม ลดความขัดแย้ง ให้เกียรติกันและกัน นำประเทศสู่ความยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่าน” ณ หอประชุมจุฬาฯ โดยก่อนกล่าวปาฐกถา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ศ.กิตติคุณ นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาว่า ระยะเปลี่ยนผ่านเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถทราบได้ว่าจะเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ต้องทำให้ดีที่สุด อะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ก็ต้องช่วยทำให้คลี่คลายและทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม วันนี้ต้องมองไปข้างหน้า ไม่ใช่มองแต่อดีตอย่างเดียว อดีตคือสิ่งที่จะต้องเรียนรู้ หากสิ่งใดผิดพลาดก็อย่าทำอีก วันนี้คือประวัติศาสตร์ของวันหน้า อยากให้ทุกคนเตรียมการรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่การพัฒา ที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามแผนปฎิรูปประเทศ แม้จะทำไม่ได้ในวันเดียว แต่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการผลิตนักศึกษา ที่ต้องผลิตในทุกปี ๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับยุทธศาตร์ชาติ แม้ว่าจะกำหนดไว้ 20 ปี แต่ในความเป็นจริงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีเหตุผลและความจำเป็น เพื่อให้ยุทธศาสตร์ชาติเปรียบเสมือนเรือธง ที่จะนำประเทศไปสู่เป้าหมายใหญ่ ในขณะที่นโยบายของฝ่ายการเมืองสามารถนำมาปรับใช้คู่ขนานกันได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความตั้งใจในวัยเด็กคือการเป็นทหาร ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ขอให้เยาวชนทุกคน ตั้งเป้าหมายในชีวิต เพราะบางครั้งอาจจะไม่ได้ทำงานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีความมุ่งมั่น มีความพยายาม เพื่อให้ชีวิตเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
ในช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้อธิบายถึงหลักกฎหมายของประเทศว่า ไม่ใช่มีไว้เพื่อบังคับเพียงอย่างเดียว แต่มีไว้เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้ทุกคนในสังคม และเพื่ออำนวยความสะดวก รวมถึงมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุจริต ขอให้ทุกคนเข้าใจ และร่วมมือเคารพกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผลการทำงานของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่างๆ ทั้งการเดินหน้าไทยแลนด์ 4.0 โครงการไทยนิยมยั่งยืน การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมใหม่ แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างคนของประเทศ ด้วยการพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพ รองรับการพัฒนาประเทศ เช่นปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบเก่าเป็นแบบใหม่ ปรับการใช้น้ำ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ดึงศักยภาพ ความได้เปรียบของประเทศที่มี เช่น วัฒนธรรมที่งดงาม การรักษาบ้านเมืองให้สงบ ไม่มีความขัดแย้ง ก็จะทำให้ทุกประเทศเชื่อมั่นในประเทศ เรื่องการเลือกตั้ง ตนไม่อยากจะพูดถึงมาก แต่ขอให้รอดู อนาคตข้างหน้าอาจจะดีขึ้น ยืนยันว่าการวางยุทธศาสตร์ 20 ปี ไม่มีสืบทอดอำนาจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ครูอาจารย์สั่งสอนศิษย์ ให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลง ตามความเป็นจริง ไม่เลียนแบบจากต่างประเทศทั้งหมด ในบางประเทศมีความสูญเสียจำนวนมากมาก่อน ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ได้โดยไม่มีความสูญเสียเหมือนที่ผ่านมา ที่มีการสูญเสียประชาชน แต่คนนำยังรอดพ้น ขอให้จดจำคำพูดตนเองในวันนี้ไว้ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณจุฬาฯที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ขอให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่ความรักความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งในใจเดียวกัน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ซึ่งจุฬาฯ ที่ครบ 100 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้มีผลงานสร้างความภาคภูมิให้กับสถาบัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโอกาสนี้นายกนัฐมนตรี รับข้อเสนอของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะผลักดันให้จุฬาฯ สร้างคนให้ อีอีซี และสร้างเทคโนโลยีให้กับประเทศ ประกอบด้วย จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม จุฬาฯจะขยายความร่วมมือกับภาคเอกชน นักลงทุนอิสระ ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงและขยายผลนวัตกรรมแห่งสยาม และจะขอร่วมกับโรงพยาบาลสวนเบญจกิติฯ ผลักดันพันธิกิจใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อดีตประธานสภานิสิต ได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายครั้งนี้ด้วย โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้แยกตัวนายเนติวิทย์ ขึ้นไปนั่งบนชั้นลอยของหอประชุม มีเจ้าหน้าที่สันติบาลคอยประกบอยู่และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์แต่อย่างใด ทั้งนี้บริเวณชั้นบนจะเป็นที่นั่งของบุคลากร คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการกล่าวปาฐกถา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางโดยรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กภายในจุฬาฯ ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้า ไปยังอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อเยี่ยมชมผลงานวิจัยและนวัตกรรมของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย โดยมีการจัดแสดงนวัตกรรมในการดูแลและบำบัดรักษาโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ อาทิ ภาวะสมองเสื่อม ภาวะเสื่อมระบบกระดูกและข้อ ภาวะเสื่อมของกระจกตา และไปยังศูนย์โรคหลอดเลือดสมองแบบครบวงจรเยี่ยมชมและทดลองใช้งานระบบ Telemedicine ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่นำมาใช้ในผู้ป่วยศูนย์หลอดเลือดสมองทำให้สามารถเชื่อมโยงการดูแลผู้ป่วย และรับปรึกษา ระหว่างโรงพยาบาลเพื่อการดูแลที่รวดเร็วขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับนักศึกษาแพทย์ ที่กำลังจะจบการศึกษา ว่าขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ มีความเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ขอให้ทุกคนทุ่มเทเสียสละ ปฎิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของบุคลากรทางด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาล ให้ยึดหลักการเสียสละ ทำเพื่อคนอื่น ตามแนวทางพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจ และผลตอบแทนที่ดีในการทำหน้าที่ของทุกคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศ เพื่อให้การดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เป็นไปด้วยความเท่าเทียม โดยต้องเน้นในเรื่องของการป้องกันมากกว่าการรักษาและฟื้นฟู ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนและภาครัฐในภาพรวม
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังอาคารสยามสแควร์วัน เพื่อเยี่ยมชมการจัดแสดงผลงานและนิทรรศการเมืองนวัตกรรมแห่งสยาม (Siam Innovation District ) .-สำนักข่าวไทย