นายกฯ ขอนิสิตเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของประเทศ

จุฬาฯ 9 เม.ย.- นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่าน” ขอนิสิตจุฬาฯ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงประเทศ ภายใต้แผนปฎิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำการศึกษาต้องพัฒนาคน ผลักดันประเทศสู่เป้าหมาย  แจงให้ทุกคนยึดกฎหมาย เพราะไม่ได้ใช้บังคับเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อสร้างความเท่าเทียมของคนในสังคม  ลดความขัดแย้ง ให้เกียรติกันและกัน นำประเทศสู่ความยั่งยืน  


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่าน” ณ หอประชุมจุฬาฯ โดยก่อนกล่าวปาฐกถา  นายกรัฐมนตรี  พร้อมด้วย ศ.กิตติคุณ นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วางพวงมาลัยถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า 

นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาว่า ระยะเปลี่ยนผ่านเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถทราบได้ว่าจะเปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ต้องทำให้ดีที่สุด  อะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ก็ต้องช่วยทำให้คลี่คลายและทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม วันนี้ต้องมองไปข้างหน้า ไม่ใช่มองแต่อดีตอย่างเดียว อดีตคือสิ่งที่จะต้องเรียนรู้ หากสิ่งใดผิดพลาดก็อย่าทำอีก วันนี้คือประวัติศาสตร์ของวันหน้า อยากให้ทุกคนเตรียมการรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่การพัฒา ที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามแผนปฎิรูปประเทศ แม้จะทำไม่ได้ในวันเดียว แต่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการผลิตนักศึกษา ที่ต้องผลิตในทุกปี ๆ 


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับยุทธศาตร์ชาติ แม้ว่าจะกำหนดไว้ 20 ปี แต่ในความเป็นจริงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากมีเหตุผลและความจำเป็น เพื่อให้ยุทธศาสตร์ชาติเปรียบเสมือนเรือธง ที่จะนำประเทศไปสู่เป้าหมายใหญ่ ในขณะที่นโยบายของฝ่ายการเมืองสามารถนำมาปรับใช้คู่ขนานกันได้  

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความตั้งใจในวัยเด็กคือการเป็นทหาร ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ขอให้เยาวชนทุกคน ตั้งเป้าหมายในชีวิต เพราะบางครั้งอาจจะไม่ได้ทำงานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีความมุ่งมั่น มีความพยายาม เพื่อให้ชีวิตเดินตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ 

ในช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้อธิบายถึงหลักกฎหมายของประเทศว่า  ไม่ใช่มีไว้เพื่อบังคับเพียงอย่างเดียว แต่มีไว้เพื่อสร้างความเท่าเทียมให้ทุกคนในสังคม และเพื่ออำนวยความสะดวก รวมถึงมุ่งมั่นแก้ปัญหาทุจริต ขอให้ทุกคนเข้าใจ และร่วมมือเคารพกฎหมาย 


พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า ผลการทำงานของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญต่างๆ ทั้งการเดินหน้าไทยแลนด์ 4.0 โครงการไทยนิยมยั่งยืน การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมใหม่  แต่สิ่งสำคัญคือการสร้างคนของประเทศ ด้วยการพัฒนาระบบการศึกษาให้มีคุณภาพ รองรับการพัฒนาประเทศ  เช่นปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบเก่าเป็นแบบใหม่  ปรับการใช้น้ำ  เป็นต้น 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ดึงศักยภาพ ความได้เปรียบของประเทศที่มี เช่น วัฒนธรรมที่งดงาม การรักษาบ้านเมืองให้สงบ ไม่มีความขัดแย้ง ก็จะทำให้ทุกประเทศเชื่อมั่นในประเทศ เรื่องการเลือกตั้ง ตนไม่อยากจะพูดถึงมาก แต่ขอให้รอดู อนาคตข้างหน้าอาจจะดีขึ้น ยืนยันว่าการวางยุทธศาสตร์ 20 ปี ไม่มีสืบทอดอำนาจ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ครูอาจารย์สั่งสอนศิษย์ ให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลง ตามความเป็นจริง ไม่เลียนแบบจากต่างประเทศทั้งหมด ในบางประเทศมีความสูญเสียจำนวนมากมาก่อน ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ได้โดยไม่มีความสูญเสียเหมือนที่ผ่านมา ที่มีการสูญเสียประชาชน  แต่คนนำยังรอดพ้น ขอให้จดจำคำพูดตนเองในวันนี้ไว้ด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณจุฬาฯที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ  ขอให้ทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน  เพื่อนำไปสู่ความรักความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งในใจเดียวกัน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ซึ่งจุฬาฯ ที่ครบ 100 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ได้มีผลงานสร้างความภาคภูมิให้กับสถาบัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโอกาสนี้นายกนัฐมนตรี รับข้อเสนอของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะผลักดันให้จุฬาฯ สร้างคนให้ อีอีซี และสร้างเทคโนโลยีให้กับประเทศ ประกอบด้วย จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม จุฬาฯจะขยายความร่วมมือกับภาคเอกชน นักลงทุนอิสระ ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงและขยายผลนวัตกรรมแห่งสยาม และจะขอร่วมกับโรงพยาบาลสวนเบญจกิติฯ ผลักดันพันธิกิจใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล อดีตประธานสภานิสิต ได้เข้าร่วมรับฟังการบรรยายครั้งนี้ด้วย โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้แยกตัวนายเนติวิทย์ ขึ้นไปนั่งบนชั้นลอยของหอประชุม มีเจ้าหน้าที่สันติบาลคอยประกบอยู่และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปสังเกตการณ์แต่อย่างใด ทั้งนี้บริเวณชั้นบนจะเป็นที่นั่งของบุคลากร คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการกล่าวปาฐกถา นายกรัฐมนตรีได้เดินทางโดยรถโดยสารปรับอากาศขนาดเล็กภายในจุฬาฯ ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้า ไปยังอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อเยี่ยมชมผลงานวิจัยและนวัตกรรมของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย โดยมีการจัดแสดงนวัตกรรมในการดูแลและบำบัดรักษาโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ อาทิ ภาวะสมองเสื่อม ภาวะเสื่อมระบบกระดูกและข้อ ภาวะเสื่อมของกระจกตา และไปยังศูนย์โรคหลอดเลือดสมองแบบครบวงจรเยี่ยมชมและทดลองใช้งานระบบ Telemedicine ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่นำมาใช้ในผู้ป่วยศูนย์หลอดเลือดสมองทำให้สามารถเชื่อมโยงการดูแลผู้ป่วย และรับปรึกษา ระหว่างโรงพยาบาลเพื่อการดูแลที่รวดเร็วขึ้น 

พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับนักศึกษาแพทย์ ที่กำลังจะจบการศึกษา ว่าขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ มีความเจริญเติบโตในหน้าที่การงาน ขอให้ทุกคนทุ่มเทเสียสละ ปฎิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของบุคลากรทางด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาล ให้ยึดหลักการเสียสละ ทำเพื่อคนอื่น ตามแนวทางพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจ และผลตอบแทนที่ดีในการทำหน้าที่ของทุกคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามที่จะปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศ เพื่อให้การดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เป็นไปด้วยความเท่าเทียม โดยต้องเน้นในเรื่องของการป้องกันมากกว่าการรักษาและฟื้นฟู ซึ่งจะส่งผลดีต่อประชาชนและภาครัฐในภาพรวม 

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังอาคารสยามสแควร์วัน เพื่อเยี่ยมชมการจัดแสดงผลงานและนิทรรศการเมืองนวัตกรรมแห่งสยาม (Siam Innovation District ) .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย