กรุงเทพฯ 5 เม.ย. – ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคมปรับตัวดีขึ้น จากการส่งออกและท่องเที่ยว แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาทั้งปรับขึ้นค่าแรง สงครามการค้าสหรัฐและจีน และสถานการณ์ทางการเมือง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม 2561 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 79.9 จากเดือนกุมภาพันธ์ที่ อยู่ที่ระดับ 79.3 ดัชนีที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจากการส่งออกและการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีความเชื่อมั่นในการซื้อสินค้าคงทน เช่น บ้าน และรถมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากรัฐบาลมีการขับเคลื่อนการใช้งบประมาณกลางปี โครงการไทยนิยมที่มีการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ขยายตัวเกินร้อยละ 4.2 ทำให้จีดีพีทั้งปีจะอยู่ที่ร้อยละ 4.2-4.6 แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทยที่เลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศโดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ราคาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะข้าวยางพารา อ้อย ปาล์มน้ำมันและราคาสินค้าปศุสัตว์ และสัปดาห์หน้าทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ จะแถลงพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดว่าจะมีความคึกคักกว่าปีที่ผ่านมาคนจะออกมาท่องเที่ยวมากขึ้นมีการจับจ่ายใช้สอยมีเงินสะพัดมากกว่า 100,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตมากกว่าร้อยละ 3-5
นอกจากนี้ การที่เข้าไปรับตำแหน่งรักษาการ ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เพราะรัฐบาลต้องการให้เข้ามาช่วยยกระดับราคายางพาราในประเทศให้สูงขึ้น โดยวางกรอบการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าภายใน 3 เดือนนี้จะเร่งการทำงาน 3 เรื่องหลัก ได้แก่ เร่งการใช้ยางพาราในประเทศและแปรรูปให้เกิดการใช้ยางพาราในรูปแบบต่าง ๆ ให้มากขึ้นอย่างจริงจัง และรักษาเสถียรภาพยางร่วมกับ 3 ประเทศไม่ให้ลดลง และควรลดปริมาณพื้นที่ยางในพื้นที่ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการใช้ยางพาราเพื่อไม่ให้ปริมาณยางพาราที่มีมากมากดราคายาง โดยเชื่อว่าหากทุกอย่างสามารถทำงานไปในทิศทางเดียวกันน่าจะทำให้ราคายางพาราดีขึ้น แต่จะเป็นราคาสูงเท่าไหร่ยังไม่สามารถตอบได้ แต่เชื่อว่าโอกาสเห็นราคายางพาราเกินกิโลกรัมละ 50 บาทในช่วงหลังจากนี้เป็นไปได้. – สำนักข่าวไทย