สำนักงาน กกต. 3 เม.ย.- ประธาน กกต. ปลุกความสามัคคีในสำนักงาน อย่าเห็นแก่ตำแหน่งจนทำองค์กรถูกยุบ หลังปรับโครงสร้างตามกฎหมายใหม่ พวกอยู่นานล่ารายชื่อใช้สิทธิ์ขอเลื่อนตำแหน่งโดยไม่สอบ
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ในวันนี้ กกต.ทั้ง 4 คน ได้มอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหารและพนักงานการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ ตามโครงการเสริมสร้างการปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานพรรคการเมือง โดยได้ให้ความรู้ ชี้แจงวิธีการ ขั้นตอนการปฏิบัติงานพรรคการเมือง รวมทั้งทำความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติงานระหว่างสำนักงาน กกต.กับสำนักงาน กกต.ประจำจังหวัด
นายศุภชัย กล่าวตอนหนึ่งว่า เนื่องจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงจากของเดิมมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีการประชุมพนักงาน เพื่อทำความเข้าใจ ในการปฎิบัติ อยากให้การปฎิบัติของพนักงานยึดกฎหมาย ระเบียบอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญอยากให้พนักงานยึดเรื่องความสามัคคี ขณะนี้องค์กรเรากำลังถูกจับจ้อง คิดต่างได้แต่อย่าแตกแยก เพราะถ้าเราปราศจากความสามัคคีในหมู่คณะ องค์กรเราอาจถูกยุบได้ และให้หน่วยงานอื่นจัดการเลือกตั้งแทนเรา ซึ่งตนไม่อยากจะให้เกิดขึ้น
ประธาน กกต. กล่าวว่า เรื่องการโยกย้ายแต่งตั้ง แม้ตามพ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.จะให้เป็นอำนาจของเลขาธิการสำนักงาน แต่ กกต.ก็ยืนยันว่าจะเข้าไปดูแลให้ความเป็นธรรม ดังนั้นมีอะไรติดขัดของให้ปรึกษาผู้บังคับบัญชา อย่าไปทำหนังสือร้องเรียน หรือระดมอะไรกันมันไม่ถูก ทางกกต.ได้กำชับให้สำนักงานรีบดำเนินการแต่งตั้งและยึดหลักความยุติธรรม ในการแต่งตั้งโยกย้ายแล้ว
“แม้เวลานี้เราจะเหลือ กกต.แค่ 4 คน และเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งอีกไม่นาน แต่พวกเราก็ยืนยันว่าจะตั้งใจทำงานให้กับสำนักงาน ไม่ใช่อยู่รับเงินเดือนไปวัน ๆ ขอให้ทุกคนมั่นใจ ว่าเราจะดูแลให้ความเป็นธรรม แต่ก็ต้องเข้าใจว่า การโยกย้ายแต่งตั้งทุกองค์กรมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ อย่ามองแค่ตัวเอง ให้ยึดถือประโยชน์ขององค์กรก่อน มีอะไรก็ให้มีการพูดจาปรึกษาหารือกัน อย่าไปปลุกปั่นยุยงให้เกิดความแตกแยก ควรจะนึกถึงองค์กรและภาระหน้าที่ ที่เราจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจ รับงานใหญ่ คือการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น” นายศุภชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาเหตุที่นายศุภชัย ต้องมากำชับเรื่อง ความสามัคคีในองค์กร เนื่องจากหลังประกาศใช้ พ.ร.ป.กกต. ต้องมีการปรับโครงสร้างของ กกต.ที่ต้องดูแลรับผิดชอบใน 5 ด้านมาเป็น การทำงานเป็นบอร์ด ในส่วนของสำนักงานก็ต้องมีกาารปรับโดยยุบด้านจาก 5 ด้าน แล้วแบ่ง เป็น 3 กลุ่มงาน ทำให้จะต้องมีการคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าแต่ละกลุ่มงาน ซึ่งพนักงานที่มีอายุงานมาก ๆ ได้รวมตัวกันเข้าชื่อทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชา และขอเข้าพบ กกต.ด้วยตัวเองหลายครั้ง เพื่อขอให้พิจารณาเลื่อนตำแหน่งโดยไม่ต้องมีการสอบแข่งขันกับพนักงานอาวุโสน้อยกว่า แต่มีคุณสมบัติที่จะสอบแข่งขันขึ้นตำแหน่งได้ แต่ทาง กกต.ก็อ้างว่า กกต.มีหน้าที่เพียงกำกับดูแลเท่านั้น เรื่องนี้เป็นอำนาจของสำนักงาน .-สำนักข่าวไทย