สธ.31 มี.ค.- สธ.นำร่อง “ชุมชนลดเค็ม ลดโรคต้นแบบ”ใน 3 ตำบล ‘ต.กุมภวาปี จ.อุดรธานี-ต.ห้วยยอด จ.ตรัง-ต.คูบัว จ.ราชบุรี’ มุ่งลดปริมาณเกลือในอาหารลงร้อยละ 20 สร้างค่านิยมกินจืดยืดชีวิต ใช้เครื่องวัดความเค็ม แสดงให้เห็นปริมาณเกลือในอาหาร และปรับสูตรลด
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดว่า สิ่งที่ให้ความเค็ม หรือเกลือโซเดียม มีอยู่ในเกลือ หรือน้ำปลาเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องปรุงรส เช่น ซีอิ๊ว ซอส ผงปรุงรส ผงชูรส รวมไปถึงอาหารกึ่งสำเร็จรูปต่างๆ เช่น บะหมี่-โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ขนมกรุบกรอบ ล้วนมีสารให้ความเค็ม(เกลือโซเดียม) เป็นส่วนประกอบ ล่าสุดพบคนไทยบริโภคเกลือโซเดียมเฉลี่ย 4,351.7 มิลลิกรัมต่อวันหรือกว่า 2 ช้อนชา เกินกว่าที่องค์การอนามัยโลก คือ 2,000 มิลลิกรัมหรือ 1 ช้อนชาต่อวัน โดยการบริโภคอาหารที่มีรสเค็มอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับ 2 ที่ทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง นำไปสู่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งโรคดังกล่าวป้องกันได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค ลดหวาน มัน เค็ม
พญ.อัมพร กล่าวต่อว่า ในปี 2561 กระทรวงฯได้นำร่อง “ชุมชนลดเค็ม ลดโรคต้นแบบ”ใน 3 ตำบล ได้แก่ ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี, ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และต.คูบัว อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี เพื่อลดปริมาณเกลือในอาหารลงร้อยละ 20 ลดระดับความดันโลหิตตัวบนลง 10 และตัวล่าง 5 มิลลิเมตรปรอท โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคเกลือ สร้างค่านิยมกินจืดยืดชีวิต มีการใช้เครื่องวัดความเค็ม หรือ Salt meter เพื่อแสดงให้เห็นปริมาณเกลือในอาหาร และมีการปรับสูตรลดความเค็มของอาหาร พร้อมขยายผลทั่วประเทศต่อไป
พร้อมแนะนำ 8 วิธีในการลดปริมาณเกลือที่บริโภค ได้แก่
1.ชิมก่อนปรุงทุกครั้ง
2.ลดการเติมเครื่อง ปรุงรส ไม่ควรมีขวดน้ำปลา ซีอิ้ว ซอส เกลือ บนโต๊ะอาหาร
3.ลดการกินอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน ผัก –ผลไม้ดอง ปลาเค็ม ไข่เค็ม เต้าหู้ยี้
4.ลดการกินอาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และไม่ใส่เครื่องปรุงหมดซอง
5.ลดความถี่และปริมาณน้ำจิ้มของการกินอาหารที่มีน้ำจิ้ม
6.หลีกเลี่ยงอาหารจานด่วน
7.ลดการกินขนมกรุบกรอบ
และ 8.เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากระบุโซเดียมไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค .-สำนักข่าวไทย