ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเล็งปรับจีดีพี -ส่งออกขึ้นไตรมาส 2 นี้

กรุงเทพ 29 มี.ค.-ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงการส่งออกปีนี้เติบโตร้อยละ
4.5 จับตามาตรการกีดกันการค้าสหรัฐ-จีน กระทบบาทแข็ง เล็งปรับจีดีพี -ส่งออกขยับขึ้นไตรมาส
2 ปีนี้


นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  จำกัด  กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการณ์ขยายตัวการส่งออกปีนี้เติบ
โตร้อยละ 4.5 แม้ว่าสหรัฐอเมริกาประกาศใช้มาตรการกีดกันทางการค้า
เนื่องจากยังมีความต้องการสินค้าจากตลาดโลก
อย่างไรก็ตามหากไม่มีมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ
การส่งออกของไทยมีโอกาสโตได้ถึงร้อยละ 7
โดยขอติดตามรายละเอียดมาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐที่มีต่อจีน
ซึ่งจะชัดเจนในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ หากไม่มีผลกระทบที่รุนแรง
มีโอกาสที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจะปรับจีดีพีและส่งออกปีนี้ขึ้นในช่วงไตรมาส 2
ซึ่งจะใกล้เคียงกับตัวเลขจีดีพีของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และกระทรวงการคลัง

แต่จนถึงขณะนี้ยังขอคงประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ไว้ก่อนที่โตร้อยละ
4 และยังคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
1.50ในการประชุมครั้งหน้า หลังจากที่การประชุมกนง.เมื่อวานนี้(28 มี.ค.)
มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ หรือ เสียงแตก


นอกจากนี้ยังต้องติดตามความเสี่ยงจากการที่ไทยติดในรายชื่อประเทศคู่ค้าของสหรัฐที่บิดเบือนค่าเงิน
ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของทางการ
อาจส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในจังหวะที่รวดเร็วและผันผวน
รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะออกมาตรการกีดกันสินค้าจากไทยโดยเฉพาะเจาะจง
ซึ่งต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด 
โดยสินค้าที่จะได้รับผลกระทบมากจากเงินบาทที่แข็งค่าคือ ยางพารา
อาหารทะเลสด เม็ดพลาสติก เหล็ก 
เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ 
ซึ่งทิศทางค่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 2 คาดว่าจะแข็งค่าต่อเนื่อง มีโอกาสแตะ
31.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐยังไม่เปลี่ยนสัญญาณดอกเบี้ย
และยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ

นายศิวัสน์ เหลืองสมบูรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  จำกัด กล่าวว่าการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐในสินค้าเครื่องซักผ้า
แผงโซลาร์เซลส์ เหล็ก และอลูมิเนียมที่มีผลบังคับใช้แล้ว มาตรการของสหรัฐในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า
60
,000
ล้านดอลลาร์สหรัฐที่คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อห่วงโซ่การผลิตและการส่งออกของไทยโดยเฉพาะสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน
เช่น อุปกรณ์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า
และชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รับชันสูตรศพ “ผกก.โจ้” ยาก เหตุศพไม่อยู่สภาพเดิม

ผู้ช่วย ผบ.ตร. รับชันสูตรศพ ผกก.โจ้ ยาก เพราะศพไม่อยู่ในสภาพเดิม ยันดูวงจรปิดไม่พบพิรุธ ยังยิ้มแย้มทักทายผู้ต้องขัง ยกมือไหว้ผู้คุม แต่พบเลือดหยดข้างศพ และแขนซ้ายมีรอยกัดของสัตว์ขนาดเล็ก

โผล่อีก 2 ราย! เหยื่อสาวแบงก์แอบถอนเงินลูกค้า

กรณีสาวแบงก์ แอบถอนเงินลูกค้า 8 ล้านบาท สารภาพเอาไปซื้อบ้าน-รถ และส่งลูกเรียนต่างประเทศ ล่าสุด เหยื่อโผล่แจ้งความเพิ่มอีก 2 ราย วงเงิน 2 ล้าน ยอดรวมเสียหายถึง 10 ล้านบาท

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหารช่วยเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ผบ.ทบ. สั่งระดมทหาร พร้อมกำลังพลจิตอาสากองทัพบก เข้าช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และอพยพผู้ป่วย จากเหตุเพลิงไหม้ รพ.รามาธิบดี

ข่าวแนะนำ

สภาฯ หมื่นล้าน ‘ท่อน้ำฝ้าเพดาน’ แตก

สภาฯ หมื่นล้านแตกอีกแล้ว! รอบนี้ ‘ท่อน้ำฝ้าเพดาน’ แตก น้ำไหลเจิ่งนองลงมายังอาคารจอดรถชั้นใต้ดินบี 1 ระดมแม่บ้านทำความสะอาด-จัดระเบียบอำนวยความสะดวก จนท.รุดซ่อมแซม

รพ.รามาธิบดี แถลงบุคลากรบาดเจ็บ 1 คน เหตุเพลิงไหม้

รพ.รามาธิบดี แถลงเหตุเพลิงไหม้ ผู้ป่วยทุกคนปลอดภัย มีบุคลากร 1 คน บาดเจ็บสูดเขม่าควัน รักษาตัวอยู่ไอซียู คาดกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์ ด้านอุปนายกวิศวกรรมสถานฯ ตรวจสอบเบื้องต้นอาคารยังอยู่ในสภาพปกติ ขณะที่ พฐ. คาดไฟฟ้าลัดวงจร

“บิ๊กอ๊อด” พร้อมสู้คดีในชั้นศาล ย้ำทุกอย่างทำเพื่อสมาคม-สโมสร

“บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พร้อมสู้คดีในชั้นศาล หาก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ฟ้อง ย้ำทุกอย่างทำเพื่อสมาคมและสโมสร

ซ่อมรถบัสทิพย์

บุกจับ 7 จนท.กองกีฬาฯ จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์เสียหาย 2.7 ล้าน

ป.ป.ช. สนธิกำลังปฏิบัติการร่วม ปปท. และ ป.ป.ป. จับกุม 7 เจ้าหน้าที่สังกัดสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร จัดจ้างซ่อมรถบัสทิพย์ เสียหายกว่า 2.8 ล้านบาท