กรุงเทพฯ 24มี.ค. เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติเรียกร้องให้ขยายระยะเวลาในการดำเนินการของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จของรัฐและศูนย์พิสูจน์สัญชาติออกไป ไม่น้อยกว่า 3 เดือน
โดยข้อเรียกร้องเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติต่อการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ ต่อนายกรัฐมนตรี ผ่าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีดังนี้
นับแต่รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเร่งด่วนในการดำเนินการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ เพื่อพัฒนาสถานะของแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านทุกคนให้เป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเริ่มให้มีการขึ้นทะเบียนเพื่อถือเอกสารการทำงานและอาศัยอยู่ชั่วคราว มาตั้งแต่ปี 2557 เพื่อให้แรงงานเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติ ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีแรงงานที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติรวมทั้งกลุ่มที่ต้องขยายระยะเวลาการทำงานและอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย ประมาณ 1.9 ล้านคน
เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ได้ติดตามนโยบายการบริหารจัดการกับแรงงานกลุ่มดังกล่าว พบว่า มติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย ฉบับวันที่ 16 มกราคม 2561 กำหนดให้ แรงงานข้ามชาติที่ถือบัตรอนุญาตให้ทำงานชั่วคราว (บัตรชมพู) กลุ่มจับคู่ และแรงงานประมง ที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานและอาศัยอยู่ถึง 31 มีนาคม 2561 ได้รับการพิสูจน์สัญชาติ รวมทั้งการยื่นขอขยายระยะเวลาการอยู่และทำงานชั่วคราว ระหว่างที่รอการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จ ถึง 30 มิถุนายน 2561 โดยปัจจุบัน คาดว่ายังมีแรงงานทั้ง 3 กลุ่มที่ยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามนโยบายของรัฐบาลอีกประมาณ 9 แสนคน และรัฐบาลมีเพียงมาตรการเดียวคือ การเปิดให้บริการที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จของรัฐบางแห่ง เป็น 24 ชั่วโมง ซึ่งหากพิจารณาจากระยะเวลาที่เหลือขณะนี้ เครือข่ายเห็นว่า
1.รัฐบาลควรทบทวนมาตรการการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติที่เหลืออยู่ โดยการพิจารณาขยายระยะเวลาในการดำเนินการของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จของรัฐและศูนย์พิสูจน์สัญชาติออกไป ไม่น้อยกว่า 3 เดือนโดยเฉพาะในศูนย์ฯ ที่ยังคงมีตัวเลขของแรงงานรอการดำเนินการอยู่เป็นจำนวนมาก
2. ปรับลดขั้นตอนด้านการดำเนินการ เอกสารต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้ว ควรมีการแยกการจัดการจากกลุ่มที่ยังพิสูจน์สัญชาติไม่แล้วเสร็จ เพื่อให้กระบวนการดำเนินงานของรัฐเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น
3. จัดให้มีอาสาสมัครของแต่ละศูนย์บริการ เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐในการให้บริการด้านการเตรียมเอกสารของแรงงานข้ามชาติและนายจ้าง เพื่อทำให้กระบวนการดำเนินการของรัฐและศูนย์พิสูจน์สัญชาติมีความรวดเร็วขึ้น และเพื่อแก้ปัญหาการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากกลุ่มนายหน้า
4. มาตรการรองรับ หรือคุ้มครองชั่วคราวของรัฐกรณีที่แรงงานบางส่วนไม่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติและไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นคนชาติของประเทศต้นทาง เช่น แรงงานมุสลิมที่อ้างว่ามาจากประเทศเมียนมา
5.เร่งประสานกับรัฐบาลประเทศต้นทาง โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา และลาว เพื่อสนับสนุนให้เกิดการดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ ได้ทันตามนโยบายที่รัฐกำหนดไว้
6. ขอให้รัฐเปิดนโยบายให้มีการจดทะเบียนผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติที่ยังไม่ได้ครอบคลุมกลุ่มที่ออกตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 16 มกราคม 2561
7. เร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์ โดยคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อรองรับกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ หลังจากที่มีการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี 16 มกราคม 2561 ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว .-สำนักข่าวไทย