ทำเนียบฯ 20 มี.ค. – ครม.กำชับตักเตือนดูแลร้านค้าประชารัฐทุกข์ใจยอดขายพุ่งล้นมือ มีทั้งปิดร้านหนี บางรายยอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี หวั่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม บางร้านจัดแพ็คเก็จรวมชุด 100-200 บาท เหมือนของขวัญปีใหม่ ปิดทางไม่ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบรายงานจากกระทรวงการคลังในการดูแลผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงที่ผ่านมา พบอุปสรรคเกิดขึ้นหลายพื้นที่ มีทั้งขาดจริยธรรมในการขายของให้กับชาวบ้าน บางรายงดขายสินค้าช่วงปลายปี เพราะเกรงว่ายอดขายจะเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมายกำหนด เพราะยอดขายสูงเกินไปจนกว่าร้านค้าขนาดเล็กในหมู่บ้านจะรับได้ บางพื้นที่ลูกค้ามารอรูดซื้อของใช้ประจำเดือนตั้งแต่ตี 5 เพราะกลัวสินค้าหมด บางรายขายสินค้าแบบจัดชุด 100-200 บาท เหมือนจัดชุดกระเช้าของขวัญ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ บางรายยึดบัตรชาวบ้านเก็บไว้ไม่ให้รูด ร้านค้าก๊าซบางรายยังไม่ได้ขายก๊าซครัวเรือน แต่ขายสินค้าโดยใช้บัตรรูดเหมือนกับใช้ก๊าซ
ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม.กำชับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ทั้งการตักเตือน หากไม่ทำตามข้อกำหนดต้องออกจากโครงการ หรือทำความเข้าใจกับร้านค้าเกี่ยวกับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อยอดขายเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อจัดทำบัญชีร้านค้า รู้จักบริหารรายรับรายจ่าย รวมทั้งเพื่อรองรับให้บริการผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 ด้วยการติดตั้งเครื่อง EDC เพิ่มให้ร้านค้าประชารัฐรองรับการใช้บัตรสวัสดิการของผู้มีรายได้น้อยผ่านธนาคารกรุงไทยให้เพียงพอ ที่ประชุม ครม.จึงอนุมัติงบกลาง 257 ล้านบาท สำหรับติดตั้งเครื่อง EDC 20,000 เครื่อง แบ่งเป็นร้านธงฟ้า 10,000 เครื่อง และร้านประชากองทุนหมู่บ้าน 10,000 เครื่อง
ช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มโครงการติดตั้งเครื่อง EDC ให้กับร้านค้าประชารัฐในชุมชน 4,200 เครื่อง จากนั้นวันที่ 30 มกราคม ติดตั้งเพิ่มอีก 22,121 เครื่อง รวมทั้งหมด 26,321 เครื่อง ผู้มีรายได้น้อย 11.4 ล้านราย รับบัตรไปใช้บริการแล้ว 10.8 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 95 ขณะที่รัฐผลิตบัตรรองรับเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยรัฐบาลจ่ายเงินให้กับรายย่อยใช้จ่ายผ่านร้านธงฟ้า ร้านก๊าซครัวเรือน รถ บขส. รถไฟ ประมาณ 8,900 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย