กทม. 20 มี.ค.-สองนักศึกษาที่เปิดโปงประเด็นการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อย แนะเยาวชน ไม่นิ่งเฉยและไม่ทนกับการทุจริตทุกรูปแบบ มั่นใจความปลอดภัยได้รับความคุ้มครองแน่นหนา
ในการเสวนา “ชวนสังคมร่วมปกป้องพลเมืองตื่นรู้สู้โกง “ ซึ่งองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น(ประเทศไทย)และภาคีเครือข่ายจัดขึ้นเพื่อให้กำลังใจ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือ ‘น้องแบม’นักศึกษาสาขาพัฒนาชุมชนคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ น.ส.ณัฐกานต์ หมื่นพล หรือ ‘น้องเกมส์’ซึ่งออกมาเปิดเผยข้อมูลการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยผู้ยากไร้และผู้ป่วยเอดส์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น จนเป็นที่มาของการตรวจสอบการทุจริต โครงการนี้อย่างต่อเนื่อง
น.ส.ปณิดา กล่าวว่า แม้การเปิดโปงการทุจริตครั้งนี้จะมีผลกระทบในชีวิตหลายด้าน แต่ตอนนี้สบายใจขึ้นมากเพราะได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยและเห็นการตรวจสอบทุจริตในโครงการอย่างต่อเนื่องซึ่งอยากให้ทุกคนไม่ควรเพิกเฉย ไม่ว่าจะเป็นการโกงระดับสูงๆ หรือเล็กๆน้อยๆ ก็ตามเพราะมันคือการโกงอยู่ดี ขอไม่ทนต่อการโกงและไม่นิ่งเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่สำคัญหน่วยงานที่รับเรื่องการทุจริตต้องปกปิดข้อมูลส่วนตัวของผู้แจ้งเบาะแสเป็นความลับเพื่อความสบายใจของผู้แจ้งด้วย
ด้าน น.ส.ณัฐกานต์ หรือเกมส์ ยอมรับตั้งแต่ตั้งข้อสงสัยไม่เอาด้วยกับกระบวนการทุจริตนี้ก็ถูกกลั่นแกล้งในองค์กรหลายอย่างจจนเดือนตุลาคม 2560 ก็ถูกเลิกจ้าง โดยอ้างว่าไม่มีงบจ้างต่อ ณ วันนี้ ก็ยังไม่มีงานทำ ยังหางานอยู่ ยอมรับตกงานก็วิตกกังวล แต่พอทบทวนสาเหตุแล้ว ก็ภูมิใจ ที่ได้ทำตรงนี้ เพราะได้ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนอีกกว่า 2,000 คน ในเรื่องความปลอดภัยรู้สึกดีขึ้น เพราะมีคนมาคุ้มครอง และอยากเป็นกำลังใจให้เยาวชนรุ่นใหม่ให้มีความกล้าหาญไม่ทนต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่เพิกเฉยต่อการทุจริตคอรัปชั่น
ด้าน พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลการทุจริตของทั้งสองคน สร้างความตื่นรู้และตระหนักให้กับประชาชนในการรักษาสิทธิ์ของตัวเองมากขึ้น เห็นได้จากการที่ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตในหลายพื้นที่จะมีประชาชนเข้ามาสอบถามและร่วมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ มากขึ้น ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของตรวจสอบทุจริตและเห็นว่าเป็นเพราะ ได้เห็นสิ่งที่น้องแบมและน้องเกมส์ได้กระทำ ซึ่งการกระทำของทั้งสองคนนี้ทำให้สังคมตื่นรู้เข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตมากขึ้น
โดยในส่วน ป.ป.ท.เอง ตามกฏหมายได้เข้าไปคุ้มครองดูแลผู้ที่ให้เบาะแสการทุจริตอย่างเต็มที่ รวมถึงกรณีนี้ด้วย เพื่อให้ผู้ที่ให้เบาะแสทุจริตมีความปลอดภัยในชีวิต ซึ่งในกรณีของน้องแบมได้เข้าโครงการคุ้มครองพยานตั้งแต่ที่จังหวัดขอนแก่น โดยมีเจ้าหน้าที่ติดตามอารักขาดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงขณะนี้เมื่อน้องแบมกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็ยังคงดำเนินกระบวนการคุ้มครองพยานที่จังหวัดในมหาวิทยาลัยด้วย โดยได้ประสานทางผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดและหน่วยทหารในพื้นที่เข้ามาดูแล รวมทั้งประสานรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบเบาะแสหรือสัญญาณที่มีการคุกคาม หรือสิ่งผิดปกติใดๆ และน้องๆ ก็สบายใจขึ้น โดยการคุ้มครองพยานจะทำเป็นห้วงๆ ห้วงละ 3 เดือนและจะพิจารณาต่อเนื่องไปจนกว่าจะมั่นใจ เพื่อให้ผู้ให้เบาะแสทุจริต รวมทั้งครอบครัวและคนรอบข้างมีความปลอดภัยมากที่สุด
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตโครงการเงินช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่งล่าสุด เลขาป.ป.ท. กล่าวว่า ยังมีจำนวนและพื้นที่เท่าเมื่อวาน ยังไม่ได้รับรายงานเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย