เชียงใหม่ 19 มี.ค.-ขณะที่หลายพื้นที่เริ่มสัมผัสถึงอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่ที่หมู่บ้านกลางป่าแห่งหนึ่ง ชาวบ้านช่วยกันฟื้นฟูมากว่า 10 ปี จนธรรมชาติกลับมาอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ อากาศเย็นสบายตลอดปี เหมือนชุมชนติดแอร์ และยังปลูกกาแฟในป่า สร้างรายได้เพิ่มขึ้น เรียกว่าให้ทั้งอาชีพและให้ชีวิตกับชาวบ้านที่นั่นด้วย
ไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปี ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา ส่วนหนึ่งบนความเขียวขจีของผืนป่าที่โอบล้อม “บ้านแม่แมะ” ชุมชนเล็กๆ กลางหุบเขา ใน ต.แม่นะ อ.เชียงดาว ที่เชียงใหม่ หลังชาวบ้านช่วยกันฟื้นฟูป่าต้นน้ำแห่งนี้ ที่เคยถูกทำลายจากการตัดไม้ ทำไร่เลื่อนลอย จนชาวบ้านเริ่มรู้สึกถึงสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมลง อากาศร้อนขึ้น ของป่าหายาก เสี่ยงดินโคลนถล่มช่วงหน้าฝน จึงเริ่มหันกลับมาช่วยกันฟื้นฟูป่า
ผู้ใหญ่บ้านที่นี่เล่าให้ฟังว่า ค่อยๆ สร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน ลดเลิกทำไร่เลื่อนลอย ตั้งกฎเกณฑ์รักษาสภาพแวดล้อม ห้ามตัดไม้ ห้ามใช้สารเคมี ผ่านไป 12 ปี ป่ากลับมาอุดมสมบูรณ์และเหมือนคำขอบคุณจากผืนป่า ทำให้ที่นี่อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เหมือนติดแอร์จากธรรมชาติ น้ำไหลให้ใช้ได้ตลอด ของป่ามีมากมายไม่ต่างจากซูเปอร์มาเก็ต
ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ พื้นที่ราว 80 ไร่ ในป่ารอบหมู่บ้าน กลายเป็นพี่เลี้ยงให้ต้นกาแฟของชาวบ้าน ที่เริ่มปลูกเพิ่มจากต้นชาพื้นเมืองที่เก็บใบไปทำเมี่ยง อาชีพดั้งเดิมของชาวบ้าน กาแฟแม่แมะเริ่มให้ผลผลิตปีละ 4-5 ตัน เริ่มเก็บผลกาแฟเชอร์รี่ขาย จนเจ้าหน้าที่เกษตรเข้ามาส่งเสริมการแปรรูปเมล็ดกาแฟของชุมชน โดยสนับสนุนเครื่องคั่วเมล็ดกาแฟ ทำกาแฟคั่วออกขาย มีร้านกาแฟของชุมชนให้ผู้คนมาลิ้มชิมรส ท่ามกลางป่าที่ร่มรื่นสวยงาม สร้างรายได้ให้ชาวบ้านเพิ่มขึ้น
บ้านแม่แมะ ได้รับรางวัลด้านการอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมมาแล้วมากมาย และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนดั้นด้นขึ้นมาสัมผัสอากาศที่เย็นสบาย ใช้ชีวิตช้าๆ อยู่ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติและป่าไม้ให้ชาวบ้านมีรายได้อีกทางหนึ่ง เป็นเหมือนอีกรางวัลการอนุรักษ์ที่ผืนป่ามอบให้ชาวบ้านที่นี่.-สำนักข่าวไทย
ชมผ่านยูทูบ