กรุงเทพฯ 19 เม.ย. – สงกรานต์นี้ก๊าซเมียนมาร์ปิดซ่อม 2 ช่วง ไม่กระทบความมั่นคงไฟฟ้า เหตุมีแอลเอ็นจี ไม่ต้องใช้น้ำมันเสริม ต้นทุนค่าไฟฟ้าอาจเพิ่มบ้าง แต่น้อยกว่าน้ำมัน
นายพิพัฒน์ วรคุณพิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ได้รับแจ้งแผนการหยุดซ่อมบำรุงรักษาแหล่งก๊าซธรรมชาติของเมียนมาร์ประจำปี2561 โดยในช่วงเดือนเมษายนนี้จะหยุดซ่อมบำรุง 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 แหล่งก๊าซยาดา หยุดผลิตบางส่วนวันที่ 13-17 เมษายน ซึ่งตรงกับช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำในช่วงสงกรานต์ ส่วนแหล่งเยตากุนจะหยุดผลิตทั้งหมดวันที่ 15-23 เมษายน โดย ปตท.จะเรียกก๊าซจากแหล่งซอติก้าเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น จะไม่กระทบต่อความมั่นคงไฟฟ้าในภาคตะวันตกเหมือนในอดีต โดยไม่ต้องหยุดเดินเครื่องแต่อย่างใด และ ปตท.เตรียมแผนใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจีทดแทน โดยไม่มีแผนใช้น้ำมันเตา ขณะที่ก๊าซเอ็นจีวี หรือก๊าซยานยนต์ ทาง ปตท.ระบุว่าไม่มีผลกระทบ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ปีนี้แผนการหยุดจ่ายก๊าซจากเมียนมาร์ ถือว่ามีผลกระทบต่อประเทศไทยน้อย เนื่องจาก ปตท.ปรับปรุงศักยภาพคลังรับ-จ่ายแอลเอ็นจี ทำให้มีก๊าซฯ พร้อมที่จะเดินเครื่องโรงไฟฟ้าได้ถึง 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปกติมีศักยภาพประมาณ 600-700 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนราคาแอลเอ็นจีที่เป็นสัญญาระยาวอยู่ที่ประมาณ 280 บาทต่อล้านบีทียู ขณะที่ก๊าซจากเมียนมาร์ราคาอยู่ที่ประมาณ 230 บาทต่อล้านบีทียู และก๊าซจากอ่าวไทยราคาอยู่ที่ประมาณ 180 บาทต่อล้านบีทียู ส่วนผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้าจะเป็นอย่างไรนั้น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) จะเป็นผู้พิจารณา
ทั้งนี้ ไทยรับก๊าซฯ จากแหล่งเมียนมาร์ ได้แก่ แหล่งยาดานา 560ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เยตากุน 400ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และซอติก้า 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน รวม1,200 ล้านลูกบาศก์ฟุต โดยในอดีตเมียนมาร์จำหน่ายจากเยตากุนและยาดานาเมื่อแหล่งใดแหล่งหนึ่งปิดซ่อม โรงไฟฟ้าภาคตะวันตก 6,000 เมกะวัตต์ต้องปิดทั้งหมด และใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าทดแทนบางส่วน เนื่องจากแหล่งก๊าซเยตากุน ถือเป็นก๊าซที่มีค่าความร้อนสูง ต้องนำมาผสมกับก๊าซจากแหล่งยาดานา ซึ่งมีค่าความร้อนที่ต่ำกว่า เพื่อให้ได้ค่าความร้อนในเหมาะสมกับโรงไฟฟ้าราชบุรี แต่เมื่อรับซื้อจากแหล่งซอติก้าคุณสมบัติเหมือนเยตากุนจึงเข้ามาเสริมโรงไฟฟ้าจึงไม่ต้องปิดทั้งหมด นอกจากนี้ เมื่อไทยรับแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้นจึงมาทดแทนได้ด้วย.-สำนักข่าวไทย