ศูนย์วัฒนธรรมฯ 15 มี.ค.-วธ.จัดเสวนาย้อนรอยต่อยอดบุพเพสันนิวาส ชี้กระตุ้นความเข้าใจในรากวัฒนธรรม พร้อมเตรียมต่อยอดส่งออกเป็นความรู้ทางวัฒนธรรมไทยในต่างชาติ
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวในงานเสวนา “ย้อนรอย ต่อยอด บุพเพสันนิวาส” ว่า วธ.ต่อยอดกระแสความนิยมจากละครโทรทัศน์ชื่อดังที่ได้รับความนิยมจากคนไทยทั้งประเทศ และดำเนินตามพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีพระราชดำรัส ให้รักษาสืบสานและต่อยอดทั้งขนบธรรมเนียมประเพณีไทยและวัฒนธรรมไทย ซึ่งละครเรื่องนี้ทำให้การท่องเที่ยวตามแหล่งโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คนนิยมแต่งกายด้วยชุดไทยย้อนยุคไปท่องเที่ยวไปถ่ายภาพกันอย่างคึกคัก ส่งผลทำให้เกิดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ ถือเป็นการส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในชุมชนเป็นอย่างดี
นายวีระ กล่าวต่อว่า วธ.มีนโยบาย 5 F ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง โดยเริ่มจากสินค้าและการบริการทางวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5 F ประกอบด้วย
1.อาหาร (Food)
2.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film)
3.ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion)
4. มวยไทย (Fighting)
และ 5.การอนุรักษ์และขับเคลื่อน เทศกาล ประเพณี สู่ระดับโลก (Festival) ซึ่งละครเรื่องนี้ถือว่ามีความครบถ้วนตรงตามนโยบาย 5 F จึงมอบหมายให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จัดการเสนา “ย้อนรอย
ต่อยอด บุพเพสันนิวาส” เพื่อเป็นการต่อยอดให้เด็ก นักเรียน เยาวชนคนรุ่นปัจจุบันและประชาชนทั่วไป หันมาเรียนรู้และให้ความสำคัญศึกษาประวัติศาสตร์ของชาติอย่างถูกต้อง ต่อเนื่องและจริงจัง ทั้งในด้านการใช้ภาษา การแต่งกาย ขนบธรรมเนียม ศิลปวัฒนธรรม ความเชื่อและวิถีชีวิต รวมถึงอาหารการกิน ที่ถือเป็นการสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมให้เกิดมูลค่าเพิ่มต่อไป พร้อมต่อยอดเตรียมส่งออกองค์ความรู้ผ่านละครให้ชาวต่างชาติได้เรียนรู้ความงดงามของศิลปวัฒนธรรมไทย
ขณะที่บนเวทีเสวนา นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากรจัดกิจกรรมชวนออเจ้า นุ่งโจง ห่มสไบไปบ้านพี่หมื่น เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ภาษาและวรรณกรรม สมัยอยุธยาเยี่ยมชมโบราณสถานตามรอยละคร บุพเพสันนิวาส ณ จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 รอบ ในวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้มีประชาชนให้ความสนใจจองจนเกินจำนวนที่รับได้ จึงกำลังพิจารณาจะเพิ่มรอบหรือเพิ่มจำนวนผู้ร่วมกิจกรรม ซึ่งจะมีการขยายเส้นทางนำชมจากอยุธยาถึงเมืองละโว้หรือลพบุรีที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์เพิ่มขึ้นด้วย และยังมีแนวคิดจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมสถานที่สำคัญๆฟรีหากแต่งกายชุดไทยมาเข้าชม
นายบุญเตือน ศรีวรพจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร ถ่ายทอดความรู้และความเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ร่วมด้วย นายคเณษ นพณัฐเมทินี ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทยและอาหารไทย ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนครศรีอยุธยา มาสร้างความรู้ความเข้าใจถึงการแต่งกายและอาหารการกินในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีการสืบทอดมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์
ขณะที่ ‘รอมแพง’ นางสาว จันทร์ยวีร์ สมปรีดา ผู้แต่งนวนิยายบุพเพสันนิวาส ร่วมเปิดเผยถึงแรงบันดาลใจในแต่งนวนิยายบนเวทีเสวนา ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้ารับฟังจนแน่นหอประชุมเล็กศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
ภายในงานยังมีการแสดงเพลงเรือ ชุด “เพลงเรือ กรุงเก่า เล่าขาน สานต่อความเป็นไทย” ตอนบุพเพสันนิวาส โดยคณะแม่บัวผัน สุพรรณยศ พร้อมกิจกรรมออกร้านอาหารยอดนิยมต่างๆ เช่น มะม่วงน้ำปลาหวาน ขนมไทย โดยให้ผู้ร่วมงานได้ใช้เงินพดด้วงแลกซื้ออาหารอย่างสนุกสนาน การเสนาในครั้งนี้ ทำให้เยาวชนและประชาชนผู้เข้าร่วมฟังการเสวนาได้เข้าใจและเห็นความสำคัญที่จะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในแง่มุมต่างๆ พร้อมต่อยอดกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ต่อไป .-สำนักข่าวไทย