มหาวิทยาลัยมหิดล 9ธ.ค.- สำนักงาน ป.ป.ช.จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ภายใต้แนวคิด “สุจริตตามรอยพ่อ ขอทำดีเพื่อแผ่นดิน “ โดยประธาน ป.ป.ช. ระบุ จะขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ป้องกันการทุจริตระยะที่ 3 ยกระดับดัชนีชี้วัดความโปร่งใส ให้ได้ร้อยละ 50
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ภายใต้แนวคิด “สุจริตตามรอยพ่อ ขอทำดีเพื่อแผ่นดิน” ที่หอประชุมมหิดลสิทธาคาร มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม
โดย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (2560-2564) ว่า องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้ประกาศค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ประจำปี 2558 ซึ่งไทยได้ 38 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน และได้ลำดับที่ 76 จาก 168 ประเทศทั่วโลก และลำดับที่ 3 จาก 9 ของประเทศอาเซียน แสดงให้เห็นว่าการทุจริตยังคงรุนแรงและเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องเริ่มแก้ไข ดังนั้น ป.ป.ช.จึงกำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (2560-2564) โดยมีวิสัยทัศน์ว่า ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต ประกอบด้วย 6 ยุทธศาตร์ คือ สร้าสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองต่อการต้านการทุจริต สกัดกั้นการทุจริตเชิงนโยาบาย พัฒนาระบบป้องกันทุจริตเชิงรุก ปฏิรูปกลไลและกระบวนการปราบปรามการทุจริต และยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศ อย่างไรก็ตาม ไทยมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่จะเพิ่มระดับคะแนน CPI ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
จากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษในหัวข้อ เรื่องเล่าของพ่อ ขอทำดีเพื่อแผ่นดิน มีใจความตอนหนึ่ง ว่า หากทุกคนสังเกตพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะพบว่ามีคำว่าสุจริตอยู่ในทุกกระแสรับสั่ง เช่น พระราชดำรัสที่ให้โอวาทกับบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2499 ว่า การจะทำกิจการใดให้สำเร็จต้องมีความอุตสาหะ ความซื่อสัตย์สุจริต มีเมตตา และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม หากใครทำได้ตามนี้ก็จะประสบผลสำเร็จ
“นอกจากนี้หากสังเกตจะพบว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะไม่ตรัสถ้อยคำในแง่ลบ เช่น หากต้องการเตือนไม่ให้ทุจริต ก็จะตรัสว่าจงอยู่อย่างสุจริต และหากมีความขัดแย้งแตกแยก ก็จะตรัสว่า จงรักสามัคคีกัน และหากจะเตือนสติว่าอย่าโลภมาก ก็จะตรัสว่าจงอยู่อย่างพอเพียง” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ ยังถ่ายทอดเรื่องราวเมื่อครั้งที่รับตำแหน่งเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และต้องประสานให้คณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนทำหน้าที่ ซึ่งในระหว่างนั้นตรงกับวันหยุดราชการ คณะรัฐมนตรีจึงเลื่อนเพื่อขอเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนในวันธรรมดา แต่รับสั่งว่า หากรัฐบาลไม่ติอะไร ก็ไม่ต้องเกรงใจเรา ให้เข้ามาถวายสัตย์ปฏิญาณตนได้ เพื่อจะเริ่มต้นการทำงาน เนื่องจากปัญหาบ้านเมืองรอไม่ได้ และรับสั่งภายหลังคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า พระเจ้าแผ่นดินไม่มีวันหยุดราชการ.-สำนักข่าวไทย