กรุงเทพฯ 15 มิ.ย.- ก.ทรัพยากรธรรมชาติฯ มีคำสั่งลงโทษไล่ “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” ออกจากราชการ กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยพบพฤติการณ์ฮั้วประมูล และปลอมเอกสารตรวจรับงานที่ทำให้รัฐเสียหาย
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามในคำสั่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ 194/2568 ลงวันที่ 6 มิถุนายน 2568 ให้ลงโทษนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ซึ่งขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ ประเภทอำนวยการระดับสูง สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ้นจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2567 เป็นต้นไป โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นหลังจากคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการประชุมครั้งที่ 3/2568 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ได้พิจารณาสำนวนไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งมีมติชี้มูลว่า นายชัยวัฒน์ มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง 2 กรณีหลัก ได้แก่
กรณีที่ 1 – การจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยาน (ห้วยคมกฤต) โดยใช้วิธีอิเล็กทรอนิกส์ มีผู้ยื่นซอง 2 ราย คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น และห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรบุรียุทธนาก่อสร้าง ซึ่งพบว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของบุคคลคนเดียวกัน คือ นายสนอง กิจพ่วงสวรรณ และเป็นการจัดฉากให้ดูเหมือนมีการแข่งขันตามกฎหมาย ทั้งที่ไม่มีการประมูลจริง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ท่ายางคอนสตรัคชั่น ชนะและได้เป็นคู่สัญญากับกรมอุทยานฯ ภายหลังมีการเบิกจ่ายค่าจ้างจำนวน 3,527,000 บาท ตามสัญญาเลขที่ 22/2556 ลงวันที่ 16 กันยายน 2556 และปรากฏหลักฐานว่า ห้างฯ ดังกล่าวได้หักลบกลบหนี้กับร้านท่ายางค้าไม้ แล้วคืนเงินสดให้นายชัยวัฒน์ จำนวน 1,000,000 บาท ผ่านเช็คธนาคารกสิกรไทย ลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2557
กรณีที่ 2 – การควบคุมงานก่อสร้างไม่เป็นไปตามแบบแนบท้ายสัญญา และไม่ได้มีการควบคุมงานจริง โดยรายงานควบคุมงานและเอกสารตรวจรับถูกจัดทำโดยหัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุตามคำสั่งของนายชัยวัฒน์ ทั้งที่พื้นที่ก่อสร้างอยู่ห่างไกล การเดินทางยากลำบาก จึงไม่มีการควบคุมงานจริง แต่มีการลงนามในใบตรวจรับงาน ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2557 โดยนายชัยวัฒน์ รับรองว่าก่อสร้างแล้วเสร็จตามสัญญา ซึ่งทำให้เกิดการเบิกจ่ายโดยมิชอบ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า การกระทำของนายชัยวัฒน์ เข้าข่ายผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 85 (1) และ (4) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ซึ่ง อ.ก.พ. กระทรวงฯ มีมติให้ลงโทษไล่ออกจากราชการ ตามฐานความผิดที่ ป.ป.ช. ชี้มูล
ทั้งนี้ การถูกลงโทษไล่ออกจากราชการจากความผิดวินัยร้ายแรง จะส่งผลให้ขาดสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญตามกฎหมาย แต่หากเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ยังสามารถขอคืนเงินสะสมของตนเองได้
นายชัยวัฒน์ ยังสามารถอุทธรณ์คำสั่งต่อคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใน 30 วัน หรือเลือกฟ้องศาลปกครอง ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่ง โดยสามารถดำเนินการได้เพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งเท่านั้น
ภายหลังมีคำสั่งดังกล่าว นายชัยวัฒน์ ยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ เพียงกล่าวสั้นๆ กับสื่อมวลชนว่า “ช่วงนี้ ปากดีไปหน่อย” พร้อมระบุว่า เมื่อเลือกที่จะทำหน้าที่เพื่อป่า เพื่อสัตว์ป่าอย่างสุดชีวิต ก็พร้อมจะรับแรงกระแทก และยืนยันว่า ไม่เคยรับเงินใคร หรือทุจริตเรียกรับเงินจากใครในหน้าที่ ทั้งยังกล่าวขอบคุณผู้ที่เป็นห่วง และแจ้งว่าจะไลฟ์อธิบายที่มาที่ไปผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตน ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้.-512.-สำนักข่าวไทย