สบส.ตรวจคลินิกย่านพหลฯ หลังทำสาวปากผิดรูป

กรม สบส.7 มี.ค.-กรม สบส.ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจคลินิกย่านพหลโยธิน หลังผู้เสียหายจากการทำปากกระจับอ้างว่าคลินิกดังกล่าว ใช้บุคคลที่มิใช่แพทย์มาร่วมทำการผ่าตัดและเย็บแผลจนริมฝีปากมีขนาดไม่เท่ากัน


จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลถึงหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งเข้ารับการศัลยกรรมปากทรงกระจับกับคลินิกแห่งหนึ่งย่านพหลโยธิน แต่ปรากฏว่าภายหลังการผ่าตัดริมฝีปากทั้ง 2 ด้านมีขนาดไม่เท่ากัน โดยหญิงสาวอ้างว่าคลินิกมีการนำผู้ช่วยพยาบาลหรือพยาบาลมาทำการผ่าตัดและเย็บแผลให้ร่วมกับแพทย์ และมีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกัน อีกหลายรายนั้น


วันนี้ (7 มี.ค.) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า แม้ขณะนี้ กรม สบส.ยังมิได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย แต่ก็ไม่นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่จากสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยจะมุ่งตรวจสอบในประเด็นที่มีการกล่าวอ้างว่าสถานพยาบาลมีการนำบุคคลมิใช่แพทย์มาร่วมทำการผ่าตัดปากทรงกระจับและเย็บแผลให้แก่ผู้รับบริการ 


นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า หากพบว่าสถานพยาบาลดังกล่าวมีการใช้ผู้ที่มิใช่แพทย์ มาให้บริการศัลยกรรมจริงจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย 2 ฉบับ โดยผู้ให้บริการที่มิใช่แพทย์ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต (หมอเถื่อน) ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ดำเนินการจะมีความผิดตาม  พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541ฐานปล่อยให้บุคคลอื่นที่มิใช่แพทย์ทำการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในสถานพยาบาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในส่วนของแพทย์จะส่งเรื่องให้สภาวิชาชีพพิจารณาดำเนินการต่อไป

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า การเสริมความงามเป็นสิทธิส่วนบุคคล การเสริมความงามทั้งการฉีดสารเสริมความงามต่างๆ หรือการผ่าตัดย่อมมีความเสี่ยงเฉพาะตัว จึงต้องศึกษาข้อมูลและผลกระทบก่อนตัดสินใจเลือกรับบริการทุกครั้ง โดยเฉพาะการศัลยกรรมต้องกระทำโดยแพทย์เท่านั้น หากเป็นบุคคลอื่นที่มิใช่แพทย์ย่อมเกิดอันตรายต่อสุขภาพ ร่างกาย จนถึงเสียชีวิตได้ 

อย่างไรก็ตามกรม สบส.ขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคด้านระบบบริการสุขภาพ หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิด อาทิ คลินิกเถื่อน หมอเถื่อน หรือหมอกระเป๋าอย่างนิ่งดูดาย ให้แจ้งที่กรม สบส.ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18822 และ 18618 หรือทางเฟซบุ๊ก:สารวัตรสถานพยาบาลออนไลน์, มือปราบสถานพยาบาลเถื่อนและศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สบส.กระทรวงสาธารณสุข ในวันและเวลาราชการ หากอยู่ในส่วนภูมิภาคแจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ เพื่อร่วมคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการในด้านการแพทย์ที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย