ยาสูบเตรียมพร้อมก้าวสู่นิติบุคคลรับแข่งขันรุนแรง

กรุงเทพฯ 4 มี.ค. – โรงงานยาสูบเตรียมพร้อมก้าวสู่นิติบุคคล “การยาสูบแห่งประเทศไทย” รองรับการแข่งขันรุนแรง หลังปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต 


นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า ที่ประชุมใหญ่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติวาระ 3 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ….ขณะนี้รอขั้นตอนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธย  ทำให้โรงงานยาสูบเปลี่ยนสถานะเป็นนิติบุคคล มีชื่อใหม่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “การยาสูบแห่งประเทศไทย”  ชื่อย่อ “ยสท.”  ชื่อภาษาอังกฤษว่า Tobacco Authority of Thailand “TOAT”  แต่ยังคงมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง

สำหรับ พ.ร.บ.ฉบับใหม่ เมื่อเปลี่ยนสถานะครั้งนี้จะเปิดทางให้ดำเนินธุรกิจอื่นได้หลากหลายเกี่ยวกับยาสูบและกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การรับจ้างผลิตยาสูบ เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาร์ และได้ลงนาม MOU แต่งตั้งบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซีเป็นตัวแทนจำหน่ายในลาว กัมพูชา ส่วนเวียดนาม เมียนมาร์ ต้องให้บริษัทท้องถิ่นเป็นผู้จำหน่าย  ปัจจุบันมีต่างชาติหลายรายสนใจว่าจ้างโรงงานยาสูบผลิตบุหรี่เพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างประเทศ จึงส่งผลดีระยะยาวต่อเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบให้มีรายได้เพิ่มขึ้น  รวมถึงเจรจากับจีนหลายมณฑลยูนนาน ปักกิ่ง ฉงชิ่ง เพื่อรับจ้างผลิต (OEM) จึงต้องเตรียมลงทุนพัฒนาเครื่องจักรเพิ่ม เสนอกระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้รองรับการใช้เป็นทุนหมุนเวียน การพัฒนาเครื่องจักรประมาณ 7,000 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันเหลือทุนหมุนเวียนไม่ถึง 5,000 ล้านบาท 


อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก หลังจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต จึงคาดว่าจากผลประกอบการมีกำไร 9,344 ล้านบาท อาจต้องมีผลขาดทุน 1,500 ล้านบาทในปี 2561 กำลังการผลิตยาสูบจาก 32,000 ล้านมวนต่อปีในปี 2560 ลดเหลือ 18,000 ล้านมวนต่อปี แต่เมื่อรับจ้างผลิตยาสูบและธุรกิจอื่นเพิ่มในปี 2563 คาดว่าเครื่องจักรโรงงานยาสูบแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตสูงถึง 65,000 ล้านมวนต่อปี มองว่าภารกิจใหม่ยังพอเป็นช่องทางให้ ยสท.พึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว 

นอกจากนี้ พ.ร.บ.ฯ ฉบับใหม่ยังส่งเสริมให้ทำการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพและมาตรฐานการผลิตยาสูบและใบยาสูบ รวมถึงการศึกษาปลูกพืชชนิดใหม่ คือ กัญชง หรือเฮมพ์ (Hemp)  เพราะมีแนวโน้มกลายเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยในอนาคตก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจนับแสนล้านบาท แต่ขณะนี้ยังมีความยุ่งยากในการขออนุญาตการปลูกและส่งเสริมเกษตรกร เนื่องจากการปลูกเฮมพ์ นำเส้นใยมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตบุหรี่ เช่น กระดาษห่อมวนและก้นกรองบุหรี่จากเส้นใยเฮมพ์ และผลพลอยได้สำหรับอุตสาหกรรมอื่นทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการสูง เช่น ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มวลเบา วัสดุก่อสร้าง ยาและเวชภัณฑ์ที่ทั่วโลกมีความต้องการมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้