ธนาคารโลกเตือนอย่าเร่งกระตุ้นจีดีพีระวังเสี่ยง

ทีดีอาร์ไอ  9 ธ.ค. –  ธนาคารโลกเตือนไทยอย่าเร่งกระตุ้นจีดีพีมากเกินไป แม้จีดีพีปี 60 จะขยายตัวเพียงร้อยละ 3.1  เพราะมีความเสี่ยงสูง ขณะที่ทีดีอาร์ไอ คาดเศรษฐกิจไทยปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.2


ในการสัมมนาร่วมระหว่างธนาคารโลกและทีดีอาร์ไอ หัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและประเทศไทยปี 2560”  นายชูเดีย แชตตี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2560 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.1 เท่ากับปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำอยู่ในอันดับรั้งท้ายของกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก  ซึ่งเป็นรองมาเลเซียและอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ เห็นว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่ำ แต่รัฐบาลไทยก็ไม่ควรเร่งอัตราการเติบโตมากเกินไป  ไม่ควรทำให้เศรษฐกิจโตแบบปลอม ๆ เพราะมีความเสี่ยงสูง ซึ่งการจะทำให้จีดีพีโตร้อยละ 5-6 สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง  และควรกระตุ้นแบบมีประสิทธิภาพ เช่น การลงทุนโครงการภาครัฐควรลงทุนในโครงการที่ดีเกิดผลประโยชน์  เช่น โครงการด้านการขนส่งที่ควรจะเชื่อมโยงกับประเทศในภูมิภาค  และ ควรปรับปรุงกฎระเบียบการลงทุนให้คล่องตัวมากขึ้นโดยเฉพาะภาคบริการ แม้ว่าอันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจของไทย (Doing Business)  ดีขึ้น 3 อันดับ จากอันดับ 49 มาอยู่ที่ 46 ของโลก แต่ยังด้อยว่ามาเลเซีย


น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2560 จะขยายตัวร้อยละ 3.2 สูงกว่าปีนี้ที่ขยายตัวร้อยละ 3 โดยมีปัจจัยบวกมาจากการส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0-1  จากปีนี้ที่ติดลบเล็กน้อย หรือทรงตัว เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐและประเทศตลาดหลักกลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้ การบริโภคภายในประเทศจะฟื้นตัว หลังจากปีนี้ถูกผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ราคาข้าวที่ตกต่ำ และภาวะความโศกเศร้าของประชาชน โดยมีการเบิกจ่ายของภาครัฐ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบกลางปี และการลงทุนภาครัฐ เป็นตัวสนับสนุนเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะปรับขึ้นกี่ครั้ง  โดยจะมีผลให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเอเชียและตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งไทย นอกจากนี้ ยังมีความไม่แน่นอนในยุโรปที่บางประเทศอาจจะออกจากสหภาพยุโรป ( อียู) เหมือนกับสหราชอาณาจักร รวมทั้งนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่อาจกระทบต่อการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งจะมีผลพวงมาถึงการส่งออกไทยได้ ขณะที่เศรษฐกิจประเทศขนาดใหญ่ เช่น จีน ญี่ปุ่น และยุโรป ยังอยู่ในทิศทางชะลอตัว  ดังนั้น จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ชัดเจนเมื่อไหร่

“การส่งออกและการบริโภคในประเทศจะมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยปี 2560 เนื่องจากมีน้ำหนักต่อจีดีพีค่อนข้างมาก ขณะที่การลงทุนภาครัฐมีน้ำหนักต่อจีดีพีน้อยกว่าเพียงร้อยละ 5-6 แต่ภาครัฐหากลงทุนได้จริงจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชนลงทุนตาม” นางสาวกิริฎา กล่าว


ส่วนมาตรการท่องเที่ยวช่วยชาติและมาตรการช้อปช่วยชาติ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายช่วงปลายปีให้มีความคึกคักมากขึ้น แต่จะมีผลบวกต่อจีดีพีไม่มาก คือ ไม่ถึงร้อยละ 1 เนื่องจากมูลค่าที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีไม่สูงมาก คือ 15,000-30,000 บาท และสัดส่วนผู้ที่เสียภาษีมีเพียง 4 ล้านคน จากประชากร 67 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นสามารถทำได้ หากเศรษฐกิจชะลอตัวลงมาก เช่น การแจกเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่อยากเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาวมากกว่า  เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล การพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิต เพราะจะสามารถเพิ่มความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย และมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยด้วย.- สำนักข่าวไทย

 

 

 

 

 

 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร