fbpx

เข้มห้ามขายเหล้าวันมาฆบูชาฝ่าฝืนจำคุกหรือปรับ

กรุงเทพฯ 28 ก.พ.- รองโฆษก ตร. เข้มห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วันมาฆบูชา ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท


พ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงมาตรการควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา ตามประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนา ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้กำชับสั่งการให้ บช.น., ภ.1-9, และ บช.ก. กวดขันจับกุม ผู้กระทำความผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจัง ทั้งในเรื่องการจำหน่ายและการดื่มในสถานที่ห้าม เน้นการลงพื้นที่ตรวจตราตามร้านอาหาร คาราโอเกะ สถานีขนส่ง สถานีรถไฟ และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดจนตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด บริเวณถนนสายหลัก ในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยมุ่งสอบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้จำหน่ายสุราที่ฝ่าฝืนกฎหมายอย่างจริงจัง รวมถึงให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มกำลังในการออกตรวจจับผู้กระทำความผิดเมื่อได้รับการร้องขอ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บังเกิดผลอย่างจริงจัง

รองโฆษก ตร.ยังกล่าวต่ออีกว่า ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ร้านค้า และสถานบริการทุกประเภทที่อยู่ในบังคับของกฎหมาย ให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งการขายส่งและขายปลีกทั่วราชอาณาจักร   ยกเว้นการขายเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ ตั้งแต่เวลาหลัง 24.00 น. ของคืนวันที่ 28 ก.พ.61 ถึงเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 1 มี.ค.61 หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ มาตรา 59 ระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ     


สำหรับพี่น้องประชาชนที่พบเห็นการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูล เบาะแส ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านทางหมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย