ใบอนุญาตทีวีดิจิทัลส่งผลงบการเงินสถานีโทรทัศน์ติดลบ

กรุงเทพฯ 28 ก.พ. – อสมท รายงานงบการเงินปี 60  แจ้งด้อยค่าสินทรัพย์  2 ใบอนุญาตทีวีดิจิทัล อุปกรณ์โครงข่ายและสิ่งอำนวยความสะดวก ส่งผลให้งบการเงินขาดทุนสูง แต่ต้นทุนการดำเนินงานจริงลดลงร้อยละ 8 คาดปี 61 ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น


นายเขมทัตต์ พลเดช  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  อสมท รายงานงบการเงินปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยมีรายได้รวม 2,736 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมแจ้งบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ใบอนุญาตโทรทัศน์ดิจิทัล อุปกรณ์โครงข่าย และสิ่งอำนวยความสะดวก สาเหตุของการขาดทุนเกิดจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลกระทบต่อธุรกิจทีวีดิจิทัลอย่างกว้างขวาง ประกอบกับ ต้องแบกรับภาระจากการจ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลทั้ง 2 ช่อง คือ ช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 และ MCOT Family ช่อง 14 


ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้ตัวเลขขาดทุนสูงขึ้นเมื่อเทียบกับที่ผ่านมานั้น  เกิดจากการทำตามมาตรฐานการบัญชีเรื่องการพิจารณาการด้อยค่าของใบอนุญาตทีวีดิจิทัลของทั้ง 2 ช่อง อุปกรณ์โครงข่าย และสิ่งอำนวยความสะดวก  2,087 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนรายได้และค่าใช้จ่ายไม่สัมพันธ์กัน ส่งผลให้ อสมท มีผลขาดทุนสุทธิ 2,543 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 236 จากปี 2559 แต่หากพิจารณาการดำเนินงานปกติที่ไม่มีค่าใช้จ่ายด้อยค่า อสมท จะมีผลขาดทุนก่อนภาษี 726 ล้านบาท ซึ่งถือว่าการดำเนินงานมีประสิทธิภาพดีขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 17 เพราะมีการควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการด้อยค่าฯ ดังกล่าวไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินต้องจ่ายออกไปจริง แต่เป็นการปฏิบัติ    ตามมาตรฐานบัญชี เพื่อให้สะท้อนมูลค่าของทรัพย์สินที่แท้จริง โดยครอบคลุมการคาดการณ์ด้านรายได้ ค่าใช้จ่าย อัตราการเติบโต และประมาณการกระแสเงินสดในอนาคตที่สะท้อนผลการดำเนินงานภายใต้สถานการณ์การแข่งขันธุรกิจทีวีดิจิทัลในปัจจุบัน  ซึ่งจะมีการทบทวนปัจจัยและข้อบ่งชี้ต่าง ๆ ทุกปี และมองว่าผู้ประกอบธุรกิจทีวีดิจิทัลที่ประสบปัญหาขาดทุนรายอื่น ๆ ก็จะพิจารณาบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชี

สำหรับแผนงานปี 2561 ทางบริษัทฯ จะมุ่งเน้นนโยบายการบริหารสินทรัพย์ให้เกิดมูลค่าเพิ่ม ด้วยการเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มจากที่ดินที่มีอยู่ทั้ง 3 แปลง โดยเฉพาะที่ดินย่านรัชดาเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อได้และแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรด้านต่าง ๆ ตลอดจนเพิ่ม content ที่แปลกใหม่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน  สำหรับเดือนเมษายน นี้  MCOT HD ช่อง 30 จะมีการเสริมรายการใหม่ ทั้ง prime time และ non-prime time อีก 3 – 4 รายการ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชมมากขึ้น รวมทั้งวิทยุที่จะเร่งขยายนำ content ลงใน digital platform เพื่อขยายฐานผู้ฟังคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น ควบคู่กับการบริหารต้นทุนด้านการบริหารจัดการและปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


ทั้งนี้  ผลการดำเนินงานของ อสมท ปี 2560 มีโครงสร้างรายได้จากธุรกิจต่าง ๆ  ได้แก่ ธุรกิจโทรทัศน์ มีรายได้ร้อยละ 37 เป็นเงิน 1,002  ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปี 2559 ธุรกิจวิทยุ มีรายได้ร้อยละ 27 เป็นเงิน 747 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ร้อยละ 7 แต่สูงกว่าภาพรวมของตลาดวิทยุที่ลดลงถึงร้อยละ 15 โดยเริ่มมีรายได้จากคลื่น Mellow FM 97.5 MHz ในเดือนกรกฎาคม หลังจากยุติออกอากาศคลื่น Seed MCOT ตั้งแต่ต้นปี 2560  สำหรับคลื่นวิทยุที่มีผลงานโดดเด่น มีรายได้สูงสุดปี 2560 ได้แก่ คลื่นลูกทุ่งมหานคร FM 95 MHz, คลื่นความคิด FM 96.5 MHz , FM 100.5 MHz News Network ตามลำดับ  นอกจากนี้  ยังพัฒนาและต่อยอดธุรกิจด้วยการผลิตเนื้อหารายการใหม่ ๆ โดยใช้จุดแข็งของผู้ดำเนินรายการทางวิทยุนำมาออกอากาศทางสื่อโซเชียล เช่น รายการ Talk Together ที่สามารถติดตามได้ทางเฟสบุ๊ค แฟนเพจ MCOT Radio Network เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของผู้ฟังในทุกกลุ่มอายุ ธุรกิจร่วมดำเนินกิจการ (สัมปทาน) ร้อยละ 19  เป็นเงิน 459 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 9 เนื่องจากมีการบันทึกทรัพย์สินเครื่องส่งสัมปทานเพิ่มจาก บมจ. ทรูวิชั่นส์ 

ธุรกิจการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (BNO) ร้อยละ 13 เป็นเงิน 362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 87 จากปี 2559 ส่วนหนึ่งเป็นการได้รับเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการส่งสัญญาณโทรทัศน์ ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปผ่านสัญญาณดาวเทียม จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าบริการสิ่งอำนวยความสะดวก ปัจจุบันโครงข่ายฯ ของ บมจ.อสมท ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าร้อยละ 95 ของครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นไปตามกรอบระยะเวลาของคณะกรรมการ กสทช. ธุรกิจสื่อใหม่ (สื่อออนไลน์ต่าง ๆ ของ อสมท และโทรทัศน์ดาวเทียม MCOT Satellite Network) ร้อยละ 2 เป็นเงิน 58.6 ล้านบาท  และรายได้อื่น ๆ ร้อยละ 2.-สำนำกข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]